หลังสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) นำโดย รองศาตราจารย์(รศ.) เอนก ศิริพานิชกร ประธานสาขาวิศวกรรมโยธา และ รศ.สิริวัฒน์ ไชยชนะ ที่ปรึกษา วสท. ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายเหตุ เจดีย์วัดพระยาทำ ย่านบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ที่อยู่ระหว่างบูรณะได้พังยุบตัวลง จนคนงานได้รับบาดเจ็บ 11 คน ล่าสุดมีรายงานว่า พบผู้ติดอยู่ใต้ฐานเจดีย์ยักษ์อีก 1 คน เป็นคนที่ 12 สรุปเหตุเจดีย์ยักษ์ล่มมีคนงาน17คน ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 11 ราย สาหัส 2 ราย เสียชีวิต 1 ราย
ด้านบางยี่ขัน 004 เปิดเผย ยอมรับว่า ผู้ติดใต้ฐานหอระฆังอีก1ราย เป็นชาย หลังการตรวจซ้ำว่า คนงานยังไม่ครบ จึงลงพื้นที่ตรวจค้นพบผู้เสียชีวิต นอกจากนั้นวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ยังกั้นพื้นที่ให้เฝ้าระวังเนื่องจากใต้ฐานเจดีย์ยักษ์มีรอยร้าวแล้ว
สำหรับในวันพรุ่งนี้ (26 ก.ย.) วสท.จะขอความร่วมมือกับภาควิชาวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในการนำเทคโนโลยีเครื่องสแกน 3 มิติ มาตรวจสอบว่าจะมีการล้มลงมาหรือไม่ และจะให้กรมศิลป์ฯ ดำเนินการบูรณะต่อไป รศ.สิริวัฒน์ กล่าวว่า จากการยุบตัวดังกล่าวเบื้องต้นสันนิษฐานว่าเนื้อดินที่รองรับตัวเจดีย์คงมีความอ่อนตัว ทำให้รอยต่อของโครงสร้างภายในเคลื่อนตัวตามไปด้วย
สำหรับเจดีย์ดังกล่าวเป็นโครงสร้างโบราณไม่เหมือนสมัยใหม่ จึงไม่มีโครงเหล็กยึดภายใน ฉะนั้นระหว่างการซ่อมแซมโครงสร้างภายนอกตามหลักวิศวกรรมจะต้องเสริมโครงสร้างเฝือกให้ผิวนอกของเจดีย์เป็นเนื้อเดียวกันก่อน จึงค่อยยกฐานเจดีย์ตามเดิม
ด้าน พระลูกวัด ทราบว่า เจดีย์ดังกล่าวถูกเรียกกันว่าเจดีย์ยักษ์ แต่เดิมเป็นหอระฆังมีอายุนานหลายร้อยปีซึ่งอยู่ระหว่างการตกแต่งพื้นผิวภายนอกใหม่ และยกระดับความสูงไม่ต่ำกว่า 1.3 เมตรจากเดิม โดยเริ่มซ่อมแซมตั้งแต่เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะยุบตัวจนยอดหักโค่นลงมาตามที่เป็นข่าว และอธิบายอีกว่า ในการซ่อมแซมโบราณสถานต่างๆ จะต้องมีการทำพิธีบวงสรวงตามประเพณีความเชื่อพราหมณ์ แต่ทราบมาว่าในการซ่อมแซมครั้งนี้ มีเพียงการนำพวงมาลัยมาไหว้เท่านั้น