หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยถึงกรณีเครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการ ร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิและปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมกับคนพิการ พร้อมทั้งมีการทุจริตของกระทรวงแรงงานว่า ได้สั่งการกระทรวงแรงงาน หาข้อเท็จจริงและตั้งคณะกรรมการพิจารณาสอบสวนเช่นเดียวกับกรณีการทุจริตของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์หรือ พม. โดยรัฐบาลยืนยันว่าการกระทำผิดกฎหมายในการทุจริตคอรัปชั่น ต้องให้ออกราชการไว้ก่อนจนกว่าจะมีหลักฐานชัดเจน ส่วนกระบวนการตรวจสอบต้องให้เข้ามาอยู่ในกระบวนการยุติธรรมอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนการเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมบงกชและเอราวัณ นายกรัฐมนตรีระบุว่า เนื่องจากจะหมดอายุสัมปทานอีก 3 ปีซึ่งตามปกติแล้ว เรื่องการส่งมอบสัมปทานจะต้องมีการเตรียมการ เป็นเวลาประมาณ 5 ปีเนื่องจากต้องดูในเรื่องเครื่องมือ การลงทุนในกลุ่มใหม่ โดยยืนยันว่ารัฐบาลได้พยายามสร้างความเข้าใจมาตลอด ซึ่งสิ่งที่เป็นกังวลหากทำไม่ทันจะทำให้พลังงานลดลง มีผลต่อด้านอุตสาหกรรมและผลกระทบต่อประชาชน จึงขอให้ดูรอบด้าน และรัฐบาลมุ่งหวังสิทธิประโยชน์ของประชาชนจึงขอให้ติดตามสถานการณ์โลกและต้องเข้าใจว่าราคาน้ำมันที่สูงขึ้นเป็นเพราะกลไกของตลาด พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลมีความมุ่งมั่นจะทำให้ราคาน้ำมันอยู่ในระดับ คนไทยได้ประโยชน์มากที่สุด