องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ในฐานะผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ถูกร้องว่าสิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ กรณีภรรยาผู้ถูกร้องถือครองหุ้นเกินร้อยละ 5 และไม่แจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช.
การไต่ส่วนวันนี้ ศาลได้ไต่สวนพยานบุคคลทั้งสิ้น 3 ปาก ประกอบด้วย นาย มนัส สุขสวัสดิ์ ประธานกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง ในฐานะพยานจากกกต., นาย ภัฏฏการก์ บุนนาค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปานะวงศ์ รีแอลที่ จำกัด และนาย ตรีวัฒน์ ทังสุบุตร กรรมการผู้จัดการบริษัท ปานะวงศ์ จำกัด นาย มนัส ให้การต่อศาลว่า ไม่เชื่อคำชี้แจงในชั้นไต่สวนของผู้ถูกร้องที่ระบุว่า คู่สมรสของผู้ถูกร้องได้โอนหุ้นให้กับบุตรชายแล้วภายใน 30 วัน นับตั้งแต่รัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ เพราะผลการตรวจสอบจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า มีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นจริงเมื่อเดือนตุลาคม 2560 ซึ่งล่าช้ามาแล้วกว่า 6 เดือนหลังมีรัฐธรรมนูญ จึงตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นการแก้ไขข้อมูลย้อนหลังหรือไม่ กรณีทำสัญญาโอนหุ้นกันเองภายในบริษัทเมื่อเดือนเมษายน 2560
ด้านนาย ภัฏฏการก์ พยานอีกปากยืนยันว่า บริษัท ปานะวงศ์ ที่คู่สมรสของผู้ถูกร้องเคยถือหุ้นนั้นเป็นธุรกิจภายในครอบครัว ไม่มีส่วนได้เสียในกิจการของรัฐ ส่วนการขอโอนหุ้นของคู่สมรสของผู้ถูกร้องมีการแจ้งในที่ประชุมบริษัทอย่างชัดเจนเมื่อเดือนเมษายน 2560 โดยเมื่อบริษัทรับรู้ก็ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานบัญชีไปดำเนินการต่อทันที เพื่อเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นในบริษัท ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ แต่ในผลทางกฎหมายบริษัทถือว่าการโอนหุ้นมีผลตั้งแต่วันที่เซ็นสัญญาโอนหุ้นแล้ว ขณะที่นาย ตรีวัฒน์ พยานปากสุดท้ายระบุว่า การเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม เพราะการดำเนินการส่งเรื่องให้มีการเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา
สำหรับการไต่สวนนานร่วม 2 ชั่วโมง หลังจากนั้น ศาลรัฐธรรมนูญได้นัดพิจารณาคดีครั้งต่อไปในวันพุธที่ 17 ตุลาคม 2561 เวลา 13.30 น. เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญได้ขอเอกสารจากพยานมาเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาคดีด้วย