วันนี้เรายังคงอยู่กันที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายนิยม เติมศรีสุข ที่ปรึกษาการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และคณะ ลงพื้นที่ เรือนจำอำเภอเกาะสมุย เพื่อดูระบบการจัดการภายในเรือนจำการส่งเสริมอาชีพของผู้ต้องขังและโครงการกำลังใจ โครงการในพระดำริพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา โดยได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น มีการแสดงร้องเพลงประสานเสียง การร้องเพลงลูกทุ่ง และการแสดงมายากล จากนั้นได้เข้าไปดูการฝึกวิชาชีพให้กับผู้ต้องขังหญิงที่มีมากมายหลายอย่าง เช่น ขนมไทย เบเกอร์รี่ ผ้าบาติก วาดรูป
ผู้ต้องขังหญิงที่ฝึกอาชีพทำขนมทองม้วน เล่าว่า ที่เรือนจำนี้ใครถนัดงานด้านไหน หรือสนใจงานด้านไหน ทางเรือนจำจะสอนให้ ซึ่งปกติแล้วตนเองถนัดทำขนมทองม้วน เคยขายอยู่บนเกาะสมุย เมื่อเข้ามาอยู่ในเรือนจำก็นำสิ่งที่ตนเองถนัดมาสอนให้กับเพื่อนๆ หากพ้นโทษจะได้มีอาชีพหาเลี้ยงตัวเองได้ พร้อมฝากไปยังผู้ที่ยังหลงผิด ขอให้กลับตัวกลับใจ เลือกคบเพื่อน เพราะเมื่อเราถูกจับ จะหมดอิสระ เพื่อนที่เคยคบก็ไม่มาเยี่ยม มีแต่ครอบครัวที่ยังอยู่ข้างเราเสมอ
ด้านผู้ต้องขังหญิงอีกราย ที่มีใจรักในงานด้านศิลปะเป็นอย่างมาก บอกว่า ก่อนหน้านี้เปิดร้านสักอยู่บนเกาะสมุย เมื่อเข้ารับโทษ งานด้านศิลปะช่วยให้จิตใจสดชื่นขึ้น บางทีเครียดหรือหงุดหงิดก็สามารถมาลงกับงานได้ ที่นี่สอนให้เรารู้จักอยู่กับส่วนรวม รู้จักให้อภัยและมีระเบียบ หากพ้นโทษออกไปจะสอนน้องๆหรือคนรู้จักว่าอย่าทำผิด อย่ายุ่งเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมาย เพราะเสียทั้งเวลาและอนาคต ทั้งนี้อยากให้กำลังใจเพื่อนๆที่ถูกคุมขัง ขอให้สู้ อีกไม่นานก็ได้กลับไปสู่อ้อมอกพ่อแม่แล้ว
ด้านนายณรงค์ หนูคง ผู้บัญชาการเรือนจำอำเภอเกาะสมุย กล่าวว่า ภายในเรือนจำจะคุมขังผู้กระทำผิดจากเกาะเต่า เกาะพะงัน และเกาะสมุย มีโทษจำคุกไม่เกิน 15 ปี ปัจจุบันมีผู้ต้องขังทั้งหมดประมาณ 1,000 คน แบ่งเป็นผู้ชาย 770 กว่าคน และ ผู้หญิงประมาณ 230 คน ส่วนใหญ่ร้อยละ 70 เป็นคดียาเสพติด การฝึกอาชีพในเรือนจำจะเน้นที่งานเหมาะกับ ผู้ต้องขังในเรือนจำเกาะสมุย เช่น การทำผ้าบาติก การนวด การทำอาหาร เพราะหลังจากพ้นโทษ ผู้เคยต้องขังจะได้มีอาชีพรองรับ