หลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยนัดแรก นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า วันนี้เปรียบเสมือนการเปิดบ้านอีกครั้ง พรรคพร้อมแล้วกับการสู้ศึกเลือกตั้ง พรรคยังมีเรื่องที่จะรอคุยกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ในวันที่ 28 กันยายนนี้ อีกหลายเรื่อง เพราะหลายเรื่องยังไม่ชัดเจน และคสช.เองก็ยังไม่เข้าใจบริบททางการเมือง ซึ่งพรรคจะต้องไปพูดคุยให้ชัดเจน ทั้งนี้ มองว่า ควรทำให้ทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว เปิดให้ทุกพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมได้ปกติ เพราะสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ เช่น การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)สัญจร ถือเป็นการช่วงชิงความได้เปรียบพรรคการเมืองอื่น ซึ่งถ้าเป็นรัฐบาลปกติ จะทำเช่นนี้ไม่ได้ ส่วนตัวเชื่อว่าหากมีการเปิดให้ทุกพรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ก็จะไม่ส่งผลให้เกิดความวุ่นวาย
สำหรับการประชุมในวันนี้มีการหารือกันหลายเรื่อง โดยเฉพาะการแก้ไขร่างข้อบังคับพรรคที่ต้องทำให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่และต้องมีการบัญญัติถึงการเลือกตำแหน่งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคต่างๆ โดยในวันที่ 26 กันยายนนี้ พรรคจะนัดอดีตส.ส. และอดีตรัฐมนตรี ทุกคนมาหารือกันเพื่อร่วมพิจารณาร่างข้อบังคับพรรค ก่อนจะเดินสายรับสมัครสมาชิกใหม่ทันที จากนั้นวันที่ 3 ตุลาคม จะเรียกประชุมใหญ่ เพื่อให้การรับรองร่างข้อบังคับพรรค และจะคัดเลือกหัวหน้าพรรค, กรรมการบริหารพรรค และกรรมการสรรหาผู้สมัครทันที เชื่อว่า ช้าสุดไม่เกินวันที่ 28 ตุลาคม จะได้ชื่อตำแหน่งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคคนใหม่ โดยกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จะมีทั้งสิ้น 21 คน และในเย็นวันนี้ จะนำร่างข้อบังคับพรรคที่เกี่ยวกับระเบียบต่างๆและวิธีการคัดเลือกตำแหน่งต่างๆในพรรคขึ้นเว็บของพรรคเพื่อให้ประชาชนได้พิจารณา การประชุมในวันนี้ กรรมการบริหารพรรค ยังมีมติให้จัดตั้งสาขาพรรคใหม่ 4 สาขาตามกฎหมาย ประกอบด้วย ที่จ.เชียงใหม่, จ.อุดรธานี, จ.นครศรีธรรมราช และจ.สมุทรปราการ
ส่วนคุณสมบัติหัวหน้าพรรคคนใหม่ ต้องเป็นบุคคลที่เห็นอุดมการณ์ของพรรคอย่างชัดเจน และมองเห็นความเปลี่ยนแปลงของโลกและของประเทศ อีกทั้งต้องนำพาประเทศไปข้างหน้าได้ ซึ่งหลายๆคนที่เคยมีชื่ออยู่ในกระแสข่าวก็เป็นได้ทั้งหมด อยู่ที่กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ว่าจะเลือกใคร ทั้งนี้พรรคมีบุคลากรที่หลากหลายซึ่งจะเป็นจุดแข็งให้พรรคเดินหน้าได้ ส่วนกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันทำหน้าที่ได้อย่างดีที่สุดแล้วที่สามารถนำพาพรรครอดพ้นวิกฤตมาได้
ผู้สื่อข่าว:ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร