สรุปข่าว19.30 น.
+++นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังคณะผู้แทนสภาธุรกิจสหภาพยุโรป - อาเซียน (EU -ASEAN Business Council : EU-ABC) เข้าหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า สภาธุรกิจยุโรป (อียู) ได้เข้าพบนายกฯ เพื่อหารือถึงแนวทางการเจรจาความร่วมมือในเรื่องเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างอาเซียน - อียู และเอฟทีเอ ระหว่างไทย - อียู ซึ่งได้หยุดการเจรจาไปนาน ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นร่วมกันว่ามีความจำเป็นที่จะต้องหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเจรจาอย่างจริงจังอีกครั้ง เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของสมาชิกอาเซียนและอียู
+++นอกจากนี้ ในปี 2562 ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพอาเซียน และจะมีผู้นำยุโรปอย่างน้อย 2 คน ที่ตอบรับมาร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนซัมมิทในไทย ได้แก่ นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มาร่วมประชุม ส่วนนายกฯ ของไทย ก็มีกำหนดการที่จะเดินทางไปเยือนเยอรมัน ในช่วงกลางเดือน ต.ค.เพื่อเชิญชวนให้นักธุรกิจเยอรมันมาลงทุนในไทย ซึ่งมีอุตสาหกรรมหลายด้านที่เรามองว่าเยอรมันเป็นผู้นำ รวมทั้งเยอรมันนับว่ามีบทบาทสำคัญในกลุ่มประเทศอียู ซึ่งจะได้มีการหารือถึงการทำเอฟทีเอระหว่างอาเซียนกับอียูและไทยอียูในระยะต่อไป
+++และจากผลการสำรวจกลุ่มนักธุรกิจของอียูกว่าร้อยละ98 มีความเห็นว่าอยากให้มีเอฟทีเอระหว่างอาเซียนกับอียู ขณะที่ส่วนใหญ่ระบุว่าประเทศในอาเซียนที่อียูควรมีการทำเอฟทีเอด้วยมากที่สุดก็คือประเทศไทย เนื่องจากเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจและการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย โดยธุรกิจที่ให้ความสนใจมาลงทุนในไทยเป็นอันดับต้นๆ ก็คือ ธุรกิจธนาคาร ประกันภัย ธุรกิจยา และรถยนต์
+++นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 1 ปาฐกถาพิเศษเรื่อง "บทบาทหน้าที่และอำนาจของสภานิติบัญญัติแห่งชาติกับการขับเคลื่อนโรดแม็ปการเลือกตั้ง" ว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 กำหนดภารกิจสำคัญของ สนช.ให้ขับเคลื่อนภารกิจของประเทศชาติ คือ การจัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 10 ฉบับ โดยคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ต้องร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายใน 240 วัน ก่อนส่ง สนช.พิจารณาแต่ละฉบับให้แล้วเสร็จภายใน 60 วันซึ่งกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 10 ฉบับนั้น ในแต่ละฉบับได้เปลี่ยนแปลงไป เช่น กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้สรรหา กกต.ใหม่ทั้งชุด กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง กำหนดกติกามุ่งหวังปฏิรูประบบการเมือง ให้พรรคการเมืองพัฒนาเป็นสถาบันการเมืองของประชาชน โดยเฉพาะกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.แม้จะประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว แต่ในมาตรา 2 ได้เขียนให้ชะลอการบังคับใช้กฎหมายอีก 90 วัน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำกระบวนการต่างๆ ให้แล้วเสร็จ จะมีผลใช้บังคับในวันที่ 10 ธ.ค. จะเริ่มนับ 1 ไปอีก 150 วัน เพื่อเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ดังนั้นกรอบการเลือกตั้งสามารถขยับได้ แต่ไม่เกินวันที่ 9 พ.ค. 2562 นอกจากนี้ สนช.ยังมีอีก 1 ภารกิจ คือ การส่งเสริมให้ประชาชนเกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งได้เดินสายลงพื้นที่พร้อมจัดอบรมผ่านหลักสูตรต่างๆ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจในทิศทางที่ถูกต้อง
+++นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ที่ลดลง ว่า เนื่องจากว่ารัฐธรรมนูญกำหนดให้มี ส.ส.เขต 350 คน เดิมมี 375 คน เพราะฉะนั้นก็ต้องหายไป 25 เขต ก็เป็นที่เข้าใจกัน แต่ที่ต้องจับตาดูมากกว่า คือ การแบ่งเขตเลือกตั้ง เพราะอันนี้เป็นปัญหาที่ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย แต่หลายประเทศ ที่มักจะมีการร้องกันว่าการแบ่งเขตเลือกตั้งไม่เป็นธรรม
+++ส่วนที่ กกต.เชิญพรรคการเมืองหารือในวันที่ 28 ก.ย.นี้ จะเดินทางไปพรัอมกับเลขาธิการพรรค และ ผอ.พรรค แต่ไม่ค่อยแน่ใจว่าจะได้คุยแค่ไหน เพราะดูจากกำหนดการ ครึ่งเช้าเหมือนจะต้องไปฟังอย่างเดียว โดยหนักไปในทางบรรยายมากกว่า ส่วนช่วงบ่ายก็เป็นการหารือในกลุ่ม แบ่งเป็น 3 กลุ่ม เป็นกลุ่มย่อย แต่สิ่งที่เราอยากได้คำตอบมากๆ เร็วๆ และคิดว่าอยู่ในใจของพรรคการเมืองส่วนใหญ่ คือ กระบวนการในการสมัครสมาชิกอย่างไรที่จะทำให้สะดวก กับ ปัญหาที่บอกว่า สื่อสารได้ ห้ามหาเสียง แค่ไหนที่จะให้เราทำ
+++การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง นายภิรมย์ พลวิเศษ เลขากลุ่มสามมิตร กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ตัวเลข ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ หรือกลุ่มสามมิตร เฉพาะภาคอีสานมั่นใจว่า จะได้กว่า 50 คนรวมปาร์ตี้ลิสต์ด้วย และมั่นใจว่าภาคอีสานจะได้ไม่ต่ำกว่าเขตละ 30,000 เสียงได้แน่นอน เพราะได้เห็นยุทธศาสตร์ที่ทีมงานได้ทำงานมาหลายเดือน รวมภาคอีสาน และภาคเหนือ น่าจะเกิน 7 ล้านเสียงแน่นอน โดยจะมีเซอร์ไพรส์ ในอีก 2-3 วัน ที่จะมีผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย จ.เชียงใหม่เปิดตัว 2-3 คน ถือเป็นเมืองหลวงของพรรคเพื่อไทย
+++ขณะนี้ ทั่วประเทศผู้ที่จะลงสมัครวันนี้น่าจะลงตัวแล้ว หลังจากอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยใน จ.เชียงใหม่ จะย้ายมาสังกัดกลุ่มสามมิตร และหนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป ส่วนภาคอีสานประชาชนตอบรับนโยบายของรัฐบาล เช่น บัตรสวัสดิการจนคน เรื่องค่าเก็บเกี่ยวข้าวหลังคาละ 18,000 บาท
+++นางพะเยาว์ อัคฮาด พร้อมด้วยนายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ ญาติของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมในปี 2553 เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เพื่อเรียกร้องให้มีการตั้งคณะกรรมการ สอบสวนข้อเท็จจริง กรณีที่ปรากฏข่าวว่ามีนายทหารยศนายพล พยายามเข้ามาแทรกแซง กระบวนการสอบสวน และขอให้มีการแถลงข่าวมิเช่นนั้น จะถือว่า พล.อ.ประวิตรเป็นผู้มีส่วนได้เสียกับคดีนี้ ซึ่งเป็นที่แคลงใจของสังคมอยู่แล้ว
+++หลังเกิดเหตุสะเทือนใจสุนัข 3 ตัว รุมกัดและขย้ำคอ ด.ญ.ธัญลักษณ์ สลิตกุล หรือน้องตวงข้าว อายุ 4 ปี จนตัดเส้นเลือดใหญ่เป็นแผลฉกรรจ์ ที่ จ.ชัยภูมิ เสียชีวิต น.ส.เสาวรี จุลเขว้า แม่และญาติได้เดินทางไปรับศพลูกสาวออกจากโรงพยาบาลเพื่อตั้งสวดพระอภิธรรมที่บ้าน จากนั้นได้เดินทางไปแจ้งความกับพ.ต.ต.ทองสุก รัตน์สีวอ สว.(สอบสวน) สภ.บ้านเขว้า เพื่อให้ดำเนินคดีกับเจ้าของสุนัข เบื้องต้นตำรวจเตรียมแจ้งข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต โทษปรับตั้งแต่ 10,000 บาท และจำคุก 1-10 ปี โดยหลังเกิดเรื่องพบว่าบ้านเจ้าของสุนัขถูกปิดเงียบ มีการขังและล่ามโซ่สุนัขไว้ภายในบ้าน
+++ขณะที่ น.ส.เขมมิกา จุลเขว้า อายุ30ปี น้าสาวน้องตวงข้าว กล่าวเปิดใจว่า
พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ กลับให้ความคุ้มครองสุนัขมากกว่าคน เบื้องต้นทราบว่าหากมีการดำเนินคดีฐานปล่อยปละละเลย เจ้าของสุนัขมีโทษจำคุกไม่เกิน1เดือน หรือปรับไม่เกิน10,000 บาท แต่ถ้ามีใครไปทำร้ายสุนัข ต้องโดนโทษรุนแรงมากกว่า อาจถูกสั่งจำคุกอย่างน้อย1ปี หรือปรับมากกว่า 40,000 บาทเลยทีเดียวแล้วแบบนี้ชาวบ้านที่ไหนจะกล้าไปทำร้ายสุนัข
+++พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. เผย กทม.ได้กำหนด 2 มาตรการหลักจัดระเบียบการให้อาหารนกพิราบ คือมาตรการเร่งด่วน ออกคำสั่งให้สำนักงานเขตทั้ง 50 เขตและสำนักอนามัย ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชน เกี่ยวกับอันตรายที่เกิดจากนกพิราบ ซึ่งเป็นพาหะเชื้อโรคต่างๆ พร้อมเร่งกำชับจุดที่เคยได้รับการร้องเรียนจากประชาชน รวมถึงในพื้นที่เขตโรงเรียน และวัด ที่มีการให้อาหารนกพิราบเป็นจำนวนมาก งดให้อาหาร เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค
+++การให้อาหารนกมีความผิดตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 ปรับ 2,000 บาท และมีความผิดตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ.2535 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 25,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
+++เว็บไซต์ นสพ.The Straits Times ของสิงคโปร์ นำเสนอข่าว ว่าด้วยความเดือดร้อนของผู้ค้าแผงลอยในกรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทย เนื้อหาข่าวบรรยายถึงบรรยากาศร้านค้าแผงลอยย่าน ถ.รามคำแหง ที่ต้องคอยหลบการตรวจตราของตำรวจ สะท้อนภาพผู้ค้านับพันรายต้องย้ายไปขายในทำเลที่ไม่ค่อยดีนัก สวนทางกับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวทั่วโลกที่ร้านค้าแผงลอยถือเป็นจุดดึงดูดสำคัญมากอย่างหนึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา
+++รายงานของ The Straits Times ยังอ้างถึงผลการศึกษาของ รศ.ดร.นฤมล นิราทร อาจารย์คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ระบุว่า ผู้ใช้ชีวิตใน กทม. ถึงร้อยละ 87 เคยจับจ่ายใช้สอยสินค้าจากร้านค้าแผงลอย ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของผู้ค้าเหล่านี้ในฐานะผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย รวมถึงเป็นแหล่งอาหารราคาประหยัด เช่นเดียวกับ น.ส.ชิดชนก สมานตระกูล ผู้ศึกษาประเด็นผู้ค้าแผงลอยอีกรายหนึ่ง กล่าวว่า ร้านค้าแผงลอยคือที่พึ่งของผู้มีรายได้น้อยและผู้ที่เดินทางจากภูมิลำเนามาทำงานในเมืองหลวง
+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 2.31 จุด ที่ 1,752.11 จุด มูลค่าการซื้อขาย 67,601.73 ล้านบาท
+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดขยับขึ้นเล็กน้อยหลังจากดัชนีนิกเกอิพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้านี้ ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 2.41 จุด แตะที่ 23,674.93 จุด
+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองว่าการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจะไม่รุนแรงมากเท่ากับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 70.30 จุด ที่ 27,477.67 จุด