+++ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องกำหนดการแบ่งเขตเลือกตั้งแล้ว สรุปแล้วภาคเหนือเดิมมีส.ส. 36 คน ลดเหลือ 33 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เดิมมีส.ส.126 คน ลดเหลือ 116 คน ภาคกลางเดิมมี ส.ส. 82 คน ลดเหลือ 76 คน ภาคใต้เดิมมี ส.ส. 53 คน ลดเหลือ 50 คน และกรุงเทพมหานคร เดิมมี ส.ส.33 คน ลดเหลือ 30 คน ส่วนภาคที่ไม่มีความเปลี่ยนแปลงคือ ภาคตะวันออก มีส.ส. 26 คน และภาคตะวันตกมี ส.ส. 19 คน เท่าเดิม
+++นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. กล่าวว่า จากขั้นตอนต่างๆ ทำให้การแบ่งเขตเลือกตั้งจะดำเนินการแล้วเสร็จ 5 พฤศจิกายน ยึดหลักการเรื่องจำนวนราษฎรและจำนวน ส.ส.ที่เปลี่ยนแปลงไป การจัดการเลือกตั้งต้องเป็นธรรม ไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้ใคร ส่วนระเบียบการหาเสียงทางโซเชียลมีเดีย ขณะนี้การยกร่างระเบียบมีความคืบหน้า ไม่ห้ามหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ แต่หาเสียงอย่างไรให้เหมาะสม ไม่กระทบกับการเลือกตั้ง ไม่ถึงกับการควบคุม เพียงแต่อาจจะมีบทบัญญัติ ว่าจะทำอะไรให้แจ้ง แต่เบื้องต้นยังไม่ได้ข้อยุติ
+++พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวถึง กรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่าบางพื้นที่มีการเชิญชวนประชาชนไปเลือกตั้งไปทำให้บัตรเสีย หรือโหวตโน ว่าหากมีการกระทำลักษณะดังกล่าว กกต.จังหวัดก็จะต้องเข้าไปตรวจสอบ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการรายงานจากกกต.จังหวัดถึงเรื่องดังกล่าวมาที่กกต.กลาง ขณะเดียวกัน กกต.ก็จะมีการรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวิธีที่ถูกต้อง
+++นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า ในวันนี้ คณะกรรมการสรรหากกต.ที่เหลืออีก 2 คน จะประชุมร่วมกันเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่สมัครเข้ารับการสรรหาเป็นกกต.ทั้ง 18 คน โดยพบว่ามีทั้งผู้สมัครหน้าใหม่และหน้าเก่าที่เคยเข้ารับการสรรหามาก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบคุณสมบัติครบถ้วนแล้ว คณะกรรมการสรรหาจะนัดประชุมร่วมกันอีกครั้งในช่วงปลายเดือนนี้ และเปิดให้ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติเข้าแสดงวิสัยทัศน์เพื่อคัดเลือกให้เหลือ 2 คน คาดว่า จะส่งรายชื่อให้ สนช.พิจารณาเห็นชอบได้ประมาณกลางเดือนตุลาคมและสนช.จะมีเวลาในการตรวจสอบจริยธรรมและลงมติเห็นชอบภายใน 45 วัน คาดว่า จะได้ กกต.ใหม่อีก 2 คนมาทำหน้าที่ได้ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ทันต่อการจัดการเลือกตั้ง
+++การสรรหาในรอบนี้ต้องเน้นตรวจสอบดูความประพฤติและจริยธรรมที่เป็นข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น เพราะที่ผ่านมา เกิดปัญหากรณีที่ สนช.ไม่ให้การรับรองผู้ถูกเสนอชื่อเป็น กกต.บ่อยครั้ง เนื่องจาก สนช.มาพบข้อร้องเรียนในภายหลัง แต่ข้อมูลดังกล่าวไม่เคยปรากฏมาก่อนในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมการสรรหา
+++ความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) เมื่อวานนี้ คณะกรรมการ มีมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.5 ตามที่ตลาดคาดการณ์ว่ากนง.จะเสียงแตกมากขึ้น หรือมีกรรมการที่โหวตให้ขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น จากการประชุมหลายครั้ง มีกรรมการที่โหวตให้ขึ้นดอกเบี้ยเพียง1 เสียง และในการประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมนัดแรกของกรรมการใหม่ 1 คน คือนายสมชัย จิตสุชน
+++นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะเลขานุการกนง. เปิดเผยว่า คณะกรรมการประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ตามแรงส่งจากอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน มีทิศทางเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้เดิม ภาวะการเงิน โดยรวมยังอยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เสถียรภาพระบบการเงินโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี
+++ส่วนกรรมการ 2 คนเห็นว่าความต่อเนื่องของการขยายตัวทางเศรษฐกิจมีความชัดเจนเพียงพอ และภาวะการเงินที่ผ่อนคลายมากอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน จึงเห็นควรให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้ ทั้งนี้ ดูจากเสียงโหวต รวมถึงประโยคสุดท้ายของแถลงการณ์มติกนง. จะเห็นว่า ความสำคัญของการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายน้อยลงเรื่อยๆ ความจำเป็นลดลง ในรอบนี้ ไม่ได้รวมประเด็นการเลือกตั้งอยู่ในประมาณการณ์เพราะยังเป็นปัจจัยที่มีความไม่แน่นอนอยู่ ในการประชุมรอบนี้ คณะกรรมการได้คงประมาณการณ์เศรษฐกิจปีนี้และปีหน้าไว้ที่ร้อยละ 4.4 และร้อยละ 4.2
+++นายพชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สายงาน Global Business Development and Strategy ธนาคารกรุงไทย คาดการณ์ว่า กนง.จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมในเดือนธ.ค.นี้ ร้อยละ 0.25
+++นายอมรเทพ จาวะลา ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย มีความเป็นไปได้สูงที่กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วง 6 เดือนหลังจากนี้ โดยเฉพาะในการประชุมรอบเดือนมี.ค. ภายหลังการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเดือนก.พ.ปี 2562
+++กรรมการ กนง. ติดตามเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ เพราะการแข็งค่าเกิดจากการเคลื่อนย้ายเงินทุน ไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจ กรรมการไม่อยากเห็นภาวะค่าเงินผันผวนที่ไม่สอดคล้องกับพื้นฐานเศรษฐกิจ
+++ความเคลื่อนไหวสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 1.27 ดอลลาร์ ปิดที่ 71.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 37 เซ็นต์ ปิดที่ 79.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
+++ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกได้แรงหนุนจากภาคธนาคาร นักลงทุนมองข้ามความไม่แน่นอน เนื่องจาก ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับชาติอื่นๆ ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 158.80 จุด ปิดที่ 26,405.76 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 3.64 จุด ปิดที่ 2,907.95 จุด แนสแดค ลดลง 6.07 จุด ปิดที่ 7,950.04 จุด
+++ราคาทองคำ ปิดบวกแกว่งตัวอยู่เหนือระดับ 1,200 ดอลลาร์ 7 วันติดต่อกัน นักลงทุนจับตาที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ในสัปดาห์หน้า ทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 5.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,208.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์
+++นายดอยธิเบศร์ ดัชนี ลูกชาย อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี พร้อมที่ปรึกษาทางกฎหมาย นำเอกสารยืนยันเอกลักษณ์ภาพวาดที่ ระบุว่า ถูกนำออกไปจากบ้านย่านสวนสยาม จำนวน 113 ภาพ มอบให้ พลตำรวจโทชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานทางคดี
นายดอยธิเบศร์ กล่าวว่า ตอนนี้ไม่ได้ตั้งข้อสงสัยหรือต้องการกล่าวหาว่าใครขโมยรูปภาพของพ่อ ที่มีราคาหลายร้อยล้าน ไปขาย เพราะอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนหาความจริงของตำรวจ แต่ยืนยันเมื่อปี 2557 หลังพ่อเสียชีวิตได้ทำฐานข้อมูลไว้ทุกรูป และขอประกาศอย่างชัดเจนว่า ตั้งแต่พ่อเสียชีวิตไม่มีการขายภาพออกไป หากพบเห็นให้สงสัยว่าอาจจะเป็นของปลอม หรือ ได้มาโดยผิดกฏหมาย
+++กรณีมีคนร้ายก่อเหตุพยายามข่มขืน ด.ญ.อายุ 9 ปี ภายในห้องน้ำวัดอยู่ดีบำรุงธรรม (วัดออเงิน) ถนนเพิ่มสิน แขวงออเงิน เขตสายไหม โชคดีที่พระลูกวัดได้ยินเสียงเด็กร้อง จึงเข้าไปเคาะประตูเรียกเพื่อช่วยเหลือ จนคนร้ายหลบหนีไปได้ ภายหลังฝ่ายสืบสวนสน.สายไหม ออกติดตามจับนายแอร์ ก็ให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่กำลังเร่งสอบประวัติให้แน่ชัด เพราะอาจไปเกี่ยวพันหรือไปก่อเหตุคดีอื่น ๆ มาก่อน สำหรับเสื้อวินรถจักรยานยนต์ที่นายแอร์ใส่ ปกติแล้วจะต้องมีชื่อเจ้าของติดด้านหลังนั้น แต่กลับพบว่าเสื้อวินดังกล่าวไม่มีชื่อปรากฏ อีกทั้งฝ่ายนายแอร์ ยังอ้างด้วยว่าไปเช่าเสื้อวินจยย.มาจากคนรู้จัก เวลาใส่ก็จะนำเสื้ออีกตัวมาใส่ทับเสื้อวินดังกล่าวเพื่อไม่ให้เห็นช่องป้ายชื่อ หลังจากนี้ ตำรวจจะขยายผลสอบสวนดำเนินการทางกฎหมายกับเจ้าของเสื้อวินดังกล่าวต่อไป
+++ส่วน ด.ญ. ยังไม่ถูกกระทำต่อร่างกายโดยตรง เจ้าหน้าที่ให้สหวิชาชีพ เข้ามาสอบถามข้อเท็จจริงและดูแลเด็ก
แฟ้มภาพ