การควบคุมตัวนายพูล่า ผู้ต้องหาชาวลาว ฆ่าปาดคอยายและหลานเสียชีวิต 2 ศพ และ อีก 1 คนบาดเจ็บ ในพื้นที่จ. สมุทรปราการ ได้ที่บริเวณจังหวัดมุกดาหาร ขณะกำลังเตรียมตัวหลบหนีข้ามไปยังฝั่งลาว มาปากสอบคำที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พลตำรวจเอกเฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พลตำรวจโทสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และชุดทำงาน ควบคุมตัวนายพูล่า มาจำลองเหตุการณ์ บริเวณชั้น 5 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เนื่องจากไม่สามารถคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ภายในพื้นที่เกิดเหตุคือที่ซอยเพชรหึงษ์ 23 ตำบลบางยอ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ได้ เนื่องจาก เกรงว่าจะเกิดเหตุชุลมุนขึ้น
การจำลองเหตุการณ์ นายพูล่า ได้ปาดคอนางมะลิภายในห้องน้ำ เป็นจังหวะที่เด็กหญิงอิสห์ยา หรือ น้องจิว และเด็กหญิงอาภารัตน์ หรือน้องข้าวหอม ตื่นมาเห็น จึงเข้าไปบีบคอน้องทั้งสองคน ก่อนใช้มีดปาดคอทั้งคู่ และหยิบทรัพย์สินของผู้ตายวิ่งหนีออกทางหน้าบ้าน
หลังก่อเหตุได้หลบหนีโดยนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างไปลงที่หน้าห้างบิ๊กซี สุขสวัสดิ์ และได้เรียกรถแท็กซี่จากบริเวณดังกล่าวไปลงที่สถานีขนส่งหมอชิต เดินเลือกซื้อเสื้อผ้าและเปลี่ยน จากนั้นจ้างรถบขส.จากหมอชิตไปจังหวัดยโสธร และได้นำสร้อยคอของกลางไปขายที่ร้านทองในอำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ก่อนจะเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางไปลงที่สถานีขนส่งมุกดาหาร และไปที่ริมโขงชุมชนนาโป ซึ่งได้ติดต่อให้เรือประมงหาปลาพาข้ามฝั่งไปยังประเทศลาว แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้มีการประชาสัมพันธ์แจ้งเหตุคดีนี้ไว้ จึงได้ร่วมกันติดตามจับกุมนายพูล่า พร้อมของกลางมาได้ การสืบสวนสอบสวนคดีนี้เจ้าหน้าที่ใช้เวลาติดตามจับกุมผู้ต้องหาภายในเวลา 16 ชั่วโมงเศษ
ภายหลังจำลองเหตุการณ์แล้ว ผู้สื่อข่าว ซักถามนายพูล่า ถึงสาเหตุที่ก่อเหตุและอยากพูดอะไรกับครอบครัวผู้เสียชีวิตหรือไม่ นายพูล่าก้มหน้าไม่ได้ตอบคำถามใดๆ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติมและจะนำตัวไปขออำนาจศาลจังหวัดสมุทรปราการฝากขังในช่วงเย็นนี้ โดยท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวน ได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง และผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลบหนี ทั้งนี้ ล่าสุด นายพูล่า ยืนยันกับตำรวจว่า จะไม่ไปขอขมาผู้เสียชีวิตรวมถึงญาติด้วย เนื่องจากเกรงเรื่องความปลอดภัย
พลตำรวจเอกเฉลิมเกียรติ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนนายพูล่า ให้การรับสารภาพ โดยอ้างว่าตั้งใจเข้ามาชิงทรัพย์ในบ้านหลังนี้เพราะอยู่ใกล้ รู้จักกัน และต้องการนำเงินไปซื้อยาเสพติด และยอมรับว่าก่อนก่อเหตุได้เสพยาเข้าไป แต่อย่างไรก็ตามต้องรอผลการตรวจอย่างเป็นทางการก่อน ส่วนประวัติการก่อเหตุอาชญากรรมหรือไม่นั้น ยังไม่พบ แต่พบว่ามีพฤติกรรมเคยเสพยา และลักทรัพย์ โดยผู้ต้องหายอมรับว่า เคยติดยา แต่เลิกไปหลายเดือนแล้ว พึ่งกลับมาเสพใหม่ไม่นานมานี้
ด้านพลตำรวจโทสุวัฒน์ กล่าวถึง กรณีที่ญาติของผู้เสียชีวิต ต้องการให้ไปกราบขอขมาว่า ยังไม่ขอพูดถึงประเด็นนี้ ไม่ได้อยู่ไนกระบวนการสอบสวน ทางเจ้าหน้าที่คงตอบไม่ได้
เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา 5 ข้อหา คือ ชิงทรัพย์,ฆ่าผู้อื่น,พยายามฆ่าผู้อื่น,ทารุณกรรมสัตว์และเป็นบุคคลต่างด้าวอาศัยอยู่ในประเทศไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุด ส่วนที่ผู้ต้องหาอ้างว่า มีการเสพสารเสพติด หากผลการตรวจร่างกายพบสารเสพติดก็จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป
ผู้สื่อข่าว:ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ