ผู้ผลิตจีนมองหาแหล่งผลิตใหม่ เพื่อประหยัดต้นทุนในสงครามการค้า

สื่อมวลชนต่างประเทศรายงานว่า ผู้ผลิตจีนเริ่มมองหาแหล่งผลิตสินค้าแห่งใหม่ในเอเชีย ซึ่งมีต้นทุนการใช้จ่ายถูก เช่น เวียดนาม กัมพูชา และบังกลาเทศ หลังจากสหรัฐฯ ยุติคำสั่งซื้อสินค้าจากจีน สร้างความไม่แน่นอนในวงการอุตสาหกรรมการผลิตมากขึ้น ท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างมหาอำนาจเศรษฐกิจโลก

ศูนย์พยากรณ์สังคม-เศรษฐกิจแห่งชาติ กระทรวงวางแผนและการลงทุนของเวียดนาม รายงานว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนคงต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 3 ปีจึงจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการเติบโตสูง โดยคาดว่า จะอยู่ที่ร้อยละ 6.8 ในปีนี้ และเฉลี่ยร้อยละ 6.5 ภายใน 5 ปีข้างหน้า หลังจากนั้น ผลกระทบจากสงครามการค้าจะค่อยๆ ลดลง รายงานของศูนย์พยากรณ์ดังกล่าวยังระบุว่า ในห้วงระหว่างปี 2561-2563 การตั้งกำแพงภาษีร้อยละ 25 ของสหรัฐฯ กับสินค้านำเข้าจากจีนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเวียดนามปีละ 258 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ การส่งออกของเวียดนาม ซึ่งกำลังเติบโตด้วยดี จะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าในเชิงลบ แต่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจะไม่ค่อยได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ดี อดีต ผอ.สถาบันยุทธศาสตร์การพัฒนาของเวียดนาม เห็นว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนยังอยู่ในระยะเริ่มต้น จึงคาดการณ์ผลกระทบได้ยาก แต่ก็เตือนเวียดนามให้จับตาผลิตภัณฑ์นำเข้าจากจีน เช่น เหล็กกล้า สินค้าบริโภค และอุปกรณ์เทคโนโลยีอย่างคุมเข้ม และยังแนะนำให้เวียดนามส่งเสริมการเติบโตในภาคอุตสาหกรรมที่สำคัญ เช่น เกษตรกรรม การท่องเที่ยว และการผลิต เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการส่งออก

....

(1200 F171)