สรุปข่าวค่ำ ประจำวันศุกร์ที่ 14 กันยายน 2561
+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ดำเนินการแจ้งความเอาผิดประธานชมรมแห่งหนึ่ง ปลอมลายมือชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์” และตราประทับมียศ ชื่อ สกุล นายกรัฐมนตรี ประทับลงในหนังสือ ส่งถึงปลัดคลัง เพื่อขอทุนในการก่อสร้างวัดนวลนรดิศ และโรงเรียนวัดนวลนรดิศ โดยอ้าง นายกรัฐมนตรี เป็นศิษย์เก่ารุ่นที่ 77 ได้ให้การสนับสนุนมูลนิธิ และในท้ายหนังสือดังกล่าวปรากฏลายมือชื่อนายกรัฐมนตรี เป็นผู้อุปการะมูลนิธิด้วย
++++ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ประกาศเผยแพร่คำสั่ง คสช.ที่ 13/2561 คลายล็อคพรรคการเมืองทำกิจกรรม เตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้ง แต่ยังไม่ให้หาเสียง เช่น ให้สามารถดำเนินธุรการของพรรคการเมืองต่างๆ สามารถสรรหาสมาชิกพรรค สรรหาผู้สมัคร ตั้งหัวหน้าพรรค-กรรมการบริหาร จัดระดมทุนของพรรค แต่ยังห้ามเสียง
+++ก่อนหน้านี้ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบเรียบร้อย (คสช.) กล่าวว่า กองทัพมีส่วนที่เป็นกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ซึ่ง คสช.ได้พิจารณาบทบาทของ กกล.รส.ให้มีความเหมาะสมในช่วงของการคลายล็อคทางการเมืองตั้งแต่ช่วงนี้ไปจนถึงกลางเดือน ธ.ค.และช่วงที่เปิดให้หาเสียงเลือกตั้งได้ ก็ต้องพิจารณาบทบาท กกล.รส.อีกครั้ง ว่าทหารจะมีบทบาทอย่างไร ให้เหมาะสมเป็นที่ยอมรับของสังคม และยืนยันว่า การพิจารณาถอนกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย เป็นหน้าที่ของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.คนใหม่ ซึ่งทหารเองก็ไม่ได้อยากเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะแม้แต่การช่วยเหลือประชาชนอาจถูกมองสนับสนุนการเลือกตั้ง จึงต้องใช้ดุลพินิจที่เหมาะสม ในการกำหนดบทบาทหน้าที่ของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย แต่ยืนยันว่า คสช.จะยังคงอยู่ต่อไป ให้ดูจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาทำหน้าที่
+++ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 14/2561 เรื่องการให้เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานหรือ กกพ.พ้นจากตำแหน่ง และการแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานโดยระบุว่ากกพ.บางคนได้พ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์และบางคนลาออกจากการดำรงตำแหน่ง ทำให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ที่เหลืออยู่ขาดผู้เชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์ในสาขาอันจะเป็นประโยชน์ต่อกิจการพลังงาน ประกอบด้วย 1. นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ประธานกรรมการ 2.นายสุธรรม อยู่ในธรรม กรรมการ 3.นายชาญวิทย์ อมตะมาทุชาติ กรรมการ 4.นายพีระพงษ์ อัจฉริยชีวิน กรรมการ 5.นายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ กรรมการ 6.นายสหัส ประทักษ์นุกูล กรรมการ และ 7.นางอรรชกา สีบุญเรือง กรรมการ โดยการปฏิบัติหน้าที่จะมีขึ้น ตั้งแต่วันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับเป็นต้นไป โดยให้มีวาระการดำรงตำแหน่ง 6 ปีนับแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการพลังงาน และเมื่อครบกำหนด 3 ปีให้กรรมการ กกพ.ออกจากตำแหน่งจำนวน 3 คน โดยวิธีจับสลาก และให้ถือว่าการออกจากตำแหน่งโดยการจับสลากเป็นการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการพลังงาน
+++ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้ทุเลาคำสั่ง กสทช. ตามที่ บมจ.โทเทิ่ล แอ๊คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น(ดีแทค) ร้องให้ศาลยกเลิกมติ กสทช. เรื่องการประมูลคลื่นความถี่ 850 เมกกะเฮิรตซ์ และขอให้ทุเลาเพื่อเข้าสู่มาตรการเยียวยาเมื่อสิ้นสุดสัญญาสัมปทานคลื่นความถี่ 850 เมกกะเฮิรตซ์(MHz) ในวันที่ 15 ก.ย.61 โดยศาลให้ดีแทคได้รับสิทธิเข้าสู่มาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการเป็นเวลา 3 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 15 ธ.ค. 61 โดยศาลวินิจฉัยประกาศคุ้มครองผู้ใช้บริการชั่วคราวฯ เพื่อจะบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ใช้บริการที่ยังไม่อาจโอนย้ายไปยังผู้ให้บริการรายอื่นได้อย่างต่อเนื่อง
+++หลัง พ่อ และแม่ ญาติๆ รวมถึง น.ส.วรรณิสา หรือน้องฝ้าย บุญตา ภรรยา และเพื่อนๆได้เดินทางมารับศพของพลทหารคชา หรือเข้ม พะชะ อายุ 22 ปี สังกัด กองพันทหาราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ ภายหลังถูกพลทหารรุ่นพี่รุมซ้อมจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำตัวส่ง รพ.อานันทมหิดล ตั้งแต่คืนวันที่ 21 ส.ค. 61 แต่อาการมีแต่ทรงกับทรุดลง รวมระยะในการเข้ารับการรักษาจำนวน 23 วัน จนกระทั่งเวลา 05.45 น. ของวันที่ 14 ก.ย. 61 พลทหารคชาได้เสียชีวิตลง ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของพ่อแม่และญาติพี่น้อง รวมถึงภรรยาของพลฯเข้มที่มีลูกวัยไร้เดียงสาอายุ 1 ขวบ 11 เดือน และลูกในครรภ์ 7 เดือน
+++ด้านการดำเนินคดี พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย เกษโมล ผกก.สภ.เมืองลพบุรี ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.วิชัย แสนบุตร รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองลพบุรี เดินทางไปพบอัยการศาลมณฑลทหารบกที่ 13 และเรือนจำ มทบ.13 สถานที่คุมขังพลทหารทั้ง 3 นาย เพื่อแจ้งข้อหาจากกาาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นตามคดีอาญาที่ 922/ 2561 ป.จ.ว.ข้อ 3 ลงวันที่ 24 ส.ค. 61 เป็นร่วมกันฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย เพื่อดำเนินการในทางคดีต่อไป
+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาด อยู่ที่ 1,722.21 จุด เพิ่มขึ้น 4.25 จุด มูลค่าการซื้อขาย 58,890.39 ล้านบาท
++++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนก.พ.ปีนี้ ปิดพุ่งขึ้น 273.35 จุด หรือ 1.20% แตะที่ระดับ 23,094.67 จุด ธนาคารกลางตุรกี ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6.25 เมื่อวานนี้ สู่ระดับ ร้อยละ24 จากเดิมที่ระดับ ร้อยละ 17.7 เพื่อหนุนค่าเงินลีรา ซึ่งได้ทรุดตัวลงราวร้อยละ 40 เทียบกับดอลลาร์นับตั้งแต่ต้นปีนี้
+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากจีนได้ตอบรับคำเชิญของสหรัฐในการเจรจาการค้ารอบใหม่เพื่อคลี่คลายข้อพิพาทระหว่างทั้งสองประเทศ ดัชนีฮั่งเส็งปิดเพิ่มขึ้น 271.92 จุด ที่ 27,286.41 จุด
+++หลังนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เตรียมจะออกมาแฉข้อมูลเด็ดครั้งสำคัญ ที่จะกลายเป็นข่าวใหญ่และดังระดับประเทศ ล่าสุดนายอัจฉริยะ ได้ไปเปิดใจบอกว่า ขณะนี้ 15 คดีสำคัญอยู่ในมือ ส่วนเรื่องที่จะออกมาแฉในอีก 15 วัน ตอนนี้ขออุบเอาไว้ก่อนเพราะเป็นเรื่องสำคัญของประเทศชาติ แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับ "ศิลปินแห่งชาติ" หากสมบัติชาติไปตกอยู่ในมือของคนไม่ดี จะมีมูลค่าความเสียหายถึงประมาณ 5,000 ล้านบาท และเมื่อตัวละครนี้ถูกเปิดเผยออกมา รับรองว่าคนช็อก รออีกไม่เกิน 15 วัน ประมาณวันที่ 28 ก.ย.จะออกมาเปิดเผย แต่เวลานี้ขอทำงานก่อน โดยใช้ทีมชมรมฯทำงานร่วมกับตำรวจชุดใหญ่ เพื่อรักษาสมบัติสำคัญของชาติ ส่วนอีกคดีเป็นเรื่องมาตรฐานในกระบวนการยุติธรรมที่ไม่สุจริต ทั้ง 2 เรื่องจะกลายเป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศแน่นอน.