+++นายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรฯ สั่งการกรมชลประทาน เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในช่วง 2 สัปดาห์นี้ ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่าจะมีฝนตกเพิ่มขึ้นจากอิทธิพลของพายุ 2 ลูก บารีจัตและมังคุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในลุ่มน้ำที่ยังมีน้ำอยู่มากให้เร่งผลักดันออกทะเล เพื่อให้มีพื้นที่รองรับฝนที่จะตกลงมาระลอกใหม่ พร้อมกำชับให้กรมชลประทานเร่งพร่องน้ำเขื่อนต่างๆ ที่มีน้ำเกินเกณฑ์เก็บกักโดยการระบายน้ำออกจากเขื่อนให้บริหารจัดการโดยไม่ให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนและพื้นที่เกษตรที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยว
+++พรุ่งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ครั้งที่ 3/2561 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นอกจากนี้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ แถลงผลการประชุมร่วมกับนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา และ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
+++ความคืบหน้าสถานการณ์พายุไต้ฝุ่นฟลอเรนซ์ที่จ่อขึ้นฝั่งทางภาคตะวันออกของสหรัฐฯระหว่างดึกของวันนี้ถึงเช้ามืดวันพรุ่งนี้ ซีเอ็นเอ็น รายงานอ้างศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติสหรัฐฯว่าพายุเริ่มอ่อนแรงมาในระดับ 2 มีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางของพายุอยู่ที่ 177 กม.ต่อชั่วโมงจากเดิมระดับ 3 คือ 195 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะเคลื่อนตัวเข้าชายฝั่งทางภาคตะวันออกของสหรัฐฯ แต่นับว่ายังเป็นอันตรายสำหรับประชาชนที่อยู่ในเส้นทางของพายุรวมถึงรัฐนอร์ธ,และเซาท์แคโรไลนา,จอร์เจีย,แมรีแลนด์และรัฐเวอร์จิเนีย
+++ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติสหรัฐฯ คาดว่า จะมีคลื่นทะเลสูง 13 ฟุตซัดเข้าชายฝั่ง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่บางแห่ง และเริ่มมีกระแสลมแรงในรัฐนอร์ธ,และเซาท์แคโรไลนา ในระยะนี้ คาดว่า เมื่อขึ้นฝั่งแล้ว พายุจะเคลื่อนตัวอ้อยอิ่งอย่างช้าๆไปอีกหลายวัน จะสร้างความเสียหายให้กับหลายรัฐทางภาคตะวันออกของสหรัฐฯ นอกจากนี้ สายการบินต่างๆสั่งยกเลิกเที่ยวบินราว 800 เที่ยวในพื้นที่ทางภาคตะวันออกของสหรัฐฯจากวันนี้ไปจนถึงวันเสาร์นี้
+++ด้านนายรอย คูเปอร์ ผู้ว่าการรัฐนอร์ท แคโรไลนาและนายเฮนรี แม็ค มาสเตอร์ ผู้ว่าการรัฐเซาท์แคโรไลนา เตือนประชาชนให้รีบอพยพหรือสั่งคนขับให้รีบขับรถออกจากพื้นที่เสี่ยงก่อนที่พายุจะขึ้นฝั่ง ย้ำว่าศูนย์พักพิงต่างๆสามารถรองรับประชาชนมากกว่าหนึ่งล้านคน เพิ่มเติมว่าถ้าไม่ฟังคำเตือนจากเจ้าหน้าที่ พวกเขาจะต้องยอมรับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง
+++เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น อ้างสื่อทางการจีนว่า มณฑลกวางตุ้ง ทางใต้ของจีนสั่งอพยพประชาชน 12,000 คน ออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำและสั่งเรือเข้าฝั่งก่อนไต้ฝุ่นบารีจัตขึ้นฝั่งวันนี้
+++สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่าคือซูเปอร์ไต้ฝุ่นมังคุดที่ทวีกำลังแรงขึ้นขณะเคลื่อนตัวใกล้ทางเหนือของฟิลิปปินส์ คาดว่าจะขึ้นฝั่งเกาะลูซอนซึ่งเป็นเกาะหลักในวันเสาร์ด้วยความเร็วลมสูงถึง 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เทียบเท่าเฮอริเคนระดับ 5 รุนแรงกว่าเฮอริเคนฟลอเรนซ์ที่กำลังกระหน่ำฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯอยู่ในขณะนี้ และมีโอกาสจะรุนแรงเท่าซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนที่ถล่มฟิลิปปินส์ในปี 2556 มีผู้เสียชีวิตกว่า 6,000 คน
+++ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดวันก่อนปิดช่วงบ่ายที่1,717.96 จุด เพิ่มขึ้น 38.57 จุด มูลค่าการซื้อขาย 78,999.35 ล้านบาท นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างแรง ขานรับปัจจัยบวกทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ปัจจัยในประเทศ มาจากประเด็นการเลือกตั้งที่มีความคืบหน้าขึ้น หลังจากที่พ.ร.ป.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.ป.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ทำให้ประเมินการเลือกตั้งน่าจะเกิดขึ้นได้ไม่เกินเดือนพ.ค. 2562 ซึ่งก็ยังเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ส่งผลให้ตลาดดูดีขึ้นจากที่มีความหวังมากขึ้น
+++ปัจจัยต่างประเทศได้แรงหนุนมาจากเรื่องที่สหรัฐฯ และจีน จะมีการเจรจาการค้ารอบใหม่อีกครั้ง ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้อยู่ในแดนบวกกันทั่วหน้าเฉลี่ยเกือบร้อยละ 1 และตลาดในยุโรปก็อยู่ในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่เฉลี่ยร้อยละ 0.3 ขณะที่ตลาดบ้านเราบวกได้ดีกว่าตลาดต่างประเทศ และคืนนี้ ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร แต่ให้รอดูว่าจะมีการพูดถึงประเด็นมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หรือไม่ หลังจากที่ตามแผนจะสิ้นสุดการทำ QE ในสิ้นปีนี้
+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ปิดพุ่งขึ้น 216.71 จุด แตะที่ 22,821.32 จุดเนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
+++ดัชนีฮั่งเส่ง ฮ่องกง เพิ่มขึ้น 669.45 จุด ปิดที่ 27,014.49 จุด
+++นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า หลังจากภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทยขยายตัวดีต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีตามทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ประกอบกับราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการเริ่มปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะข้าวเปลือก อ้อย และข้าวโพด ส่งผลให้รายได้ของเกษตรกรปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน ขณะที่ การลงทุนภาคเอกชนเริ่มฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐมีโอกาสเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปหนุนให้เศรษฐกิจไทยตลอดปีนี้ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 4.6 เป็นอย่างน้อยและมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะเติบโตที่ร้อยละ 4.5 ขณะที่ตัวเลขการส่งออก โตร้อยละ 8.7 และอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 1.2
+++ต้องติดตามแม้จะมีวันเลือกตั้งที่ชัดเจนแล้ว แต่ต้องดูว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปลดล็อคมากน้อยแค่ไหน แต่เชื่อว่าช่วงใกล้เลือกตั้งจะมีเงินสะพัดต่อการเลือกตั้ง 30,000-40,000 ล้านบาท
+++เศรษฐกิจไทย ยังมีปัจจัยลบช่วงที่เหลือของปีที่ ได้แก่ สงครามการค้าสหรัฐฯกับจีน แนวโน้มดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น และยังมีความเสี่ยงจากวิกฤติค่าเงินในตลาดเกิดใหม่ ทำให้ค่าเงินอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากสถานการณ์อุทกภัย ซึ่งจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวมรวม แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการพิจารณาปรับดอกเบี้ยนโยบายจากขณะนี้อยู่ที่ร้อยละ 1.5 แต่กระทรวงการคลัง เห็นว่า ตอนนี้จนถึงปีหน้า ยังไม่ควรปรับดอกเบี้ยนโยบาย สอดคล้องกับศูนย์พยากรณ์ฯ มองว่าดอกเบี้ยนโยบายไม่ควรปรับขึ้นขณะนี้ เพื่อให้เกิดการออม หรือให้เกิดการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย
+++พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) แถลงว่า ภายหลังจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) และว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว กกต.จะเร่งพิจารณาระเบียบกกต.ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายทั้งสองฉบับ เบื้องต้น จะเร่งระเบียบกกต.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.ให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้า เพราะพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.มีผลบังคับแล้ว
+++เลขาธิการกกต. กล่าวว่า เมื่อระเบียบกกต.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.ประกาศใช้ กกต.จะประกาศให้ลงทะเบียนองค์กรที่มีสิทธิเสนอชื่อบุคคลเข้าคัดเลือกเป็น ส.ว. ซึ่งจะมี 2 ประเภท คือ1. องค์กรที่มีกฎหมายจัดตั้ง และ 2. องค์กรนิติบุคคล ที่ก่อตั้งมาไม่น้อยกว่า 3 ปี และดำเนินกิจการต่อเนื่อง ไม่แสวงหาผลกำไร โดยจะเปิดรับลงทะเบียนที่สำนักงานกกต.จังหวัดทั่วประเทศ
+++ส่วนบุคคลทั่วไปที่จะลงสมัครสามารถยื่นสมัครได้ที่ว่าการอำเภอ โดยวันเวลาของการดำเนินการในแต่ละขั้นตอน กกต.จะชี้แจงอีกครั้งหลังระเบียบกกต.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.ประกาศใช้ สำหรับการคัดเลือกส.ว.ในส่วนของกกต.จะต้องคัดเลือกให้ได้ 200 คนและส่งให้คสช. 15 วันก่อนวันเลือกตั้งส.ส. เพื่อให้คสช.คัดเลือกให้เหลือ 50 รายชื่อและสำรองอีก 50 ชื่อ
+++การพิจารณาสั่งคดีเมจิกสกิน นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า วันนี้อัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 ได้เลื่อนสั่งคดี บจก.เมจิกสกิน, นายกร และนางวรรณภา พวงสน (สามีภรรยา), นายกสิท วรชิงตัน หรือหญิงย้วย และพวกรวม 6 ราย ฐานร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันผลิตและจำหน่ายอาหารปลอม, ร่วมกันผลิตจำหน่ายอาหารเสริมที่ควบคุมฉลากแต่ติดฉลากไม่ถูกต้อง, ร่วมกันผลิตและขายเครื่องสำอางโดยติดฉลากไม่ถูกต้อง, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ รวม 8 ข้อหา เพราะหลังจากได้รับสำนวนเมื่อวันที่ 4 ก.ค.คณะทำงาน เห็นว่าพยานหลักฐานยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ จึงมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามสอบเพิ่มเติมในบางประเด็น อัยการจึงเลื่อนสั่งคดีไปเป็นวันที่ 18 ต.ค.นี้ เวลา 10.00 น. โดยคดีนี้มีผู้เสียหาย 59 ราย
+++นายประยุทธ ยืนยันถึงประเด็นคลิปเสียงที่มีการพาดพิงอ้างว่าพนักงานอัยการ เรียกรับทรัพย์สินจากผู้ต้องหาในคดีเมจิกสกินในพื้นที่จ.ชลบุรีว่า เรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวกับสำนวนที่สำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากรรับผิดชอบ หลังจากการตรวจสอบไปยัง นายสุวิทย์ เทพรินทร์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด จ.ชลบุรี ก็ย้ำชัดว่าในจ.ชลบุรีไม่มีสำนวนใดๆ คดีเมจิกสกิน เข้าไปสู่การพิจารณาของพนักงานอัยการ จ.ชลบุรีเลย เป็นเพียงการแอบอ้างถึงพนักงานอัยการเท่านั้น ส่วนจะมีการดำเนินการอย่างไรกับผู้แอบอ้างเป็นเรื่องที่อัยการจังหวัดชลบุรี จะเสนอไปยังอธิบดีอัยการภาค 2
แฟ้มภาพ ทำเนียบรัฐบาล