กรณีมีการส่งออกทุเรียนอ่อนของไทยไปขายที่ประเทศจีน นายวิชัย โภชนกิจ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนเรื่องนี้มาจากทางปักกิ่งของจีน จากการตรวจสอบล็อตทุเรียนที่ต้องสงสัยที่มีอยู่ 6 ตู้คอนเทนเนอร์ พบว่ามี 1 ตู้ที่มีทุเรียนอ่อนจริง ขณะนี้รู้ชื่อผู้ส่งออกแล้ว เบื้องต้นสั่งให้ล้งผู้ส่งออกชดใช้ค่าเสียหายและค่าทำลายทุเรียนเป็นเงินรวม 2 ล้านบาท แต่รัฐบาลไม่ต้องการหยุดแค่นี้ เพราะมองว่ามีความเสียหายมากกว่านั้น เนื่องจากจีนเป็นตลาดใหญ่ในการส่งออกทุเรียนของไทย โดยการเอาผิดในทางอาญายังไม่แน่ใจว่าจะดำเนินการได้หรือไม่ เนื่องจากความผิดถูกพบที่ประเทศจีนไม่ใช่ประเทศไทย ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องเขตอำนาจทางกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะต้องไปดำเนินการต่อเอง ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าจะเอาผิดกับใครได้หรือไม่ แล้วกรอบเวลาการตรวจสอบเอาผิดจะเสร็จช่วงใด ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกระทรวงพาณิชย์ เชื่อว่าอีกไม่กี่วันจะมีความชัดเจนมากขึ้น การตรวจสอบจะต้องย้อนไปถึงสวนที่ปลูกทุเรียน
สาเหตุที่มีทุเรียนอ่อนหลุดลอดออกไปอาจจะเกิดจากความบกพร่องในการตรวจสอบ ส่วนจะขึ้นแบล็คลิสต์กับล้งทุเรียนหรือไม่ ต้องพิจารณาว่าการกระทำนี้เจตนาหรือไม่ แต่เป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดจากเจตนาของล้งที่ต้องการขายของไม่ดี แต่อยากได้ราคาสูง ซึ่งถ้าเจตนาเป็นแบบนี้ ก็น่าเป็นห่วงว่าอาจส่งผลเป็นการทำลายตลาด ทั้งนี้ถ้าขึ้นแบล็คลิสต์คงเป็นการชั่วคราว เพื่อให้ล้งไปปรับปรุงตัวเอง และเเม้จะไม่ขึ้นแบล็คลิสต์ แต่ล้งจะต้องรับผิดชอบมากกว่านี้อย่างแน่นอน
รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ยอมรับว่า เหตุการณ์ทุเรียนอ่อนนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เนื่องจากเวลาตัดทุเรียนออกขาย ผู้ปลูกจะตัดทั้งหมด เพื่อลดต้นทุนการจ้างตัด พร้อมรับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้กระทบกับประเทศ แต่โชคดีที่จัดการปัญหาได้เร็ว ซึ่งถือเป็นมุมมองแง่บวกที่มีกลไกตรวจสอบได้ ทั้งนี้ อนาคตควรมีหน่วยงานที่รับผิดชอบควบคุมผู้ส่งออกผลไม้ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายอีก หลังปัจจุบันแต่ละหน่วยงานยังแบ่งแยกกันทำงานอยู่
สำหรับสถานการณ์ทุเรียนไทย ปัจจุบันมีล้งทุเรียนใหญ่อยู่ 200 กว่าล้งทั่วประเทศ สองปีที่ผ่านมาการส่งออกทุเรียนโตขึ้นกว่าร้อยละ 20 ส่งผลให้ราคาทุเรียนปรับตัวแพงขึ้น ปีนี้ คาดว่าการส่งออกทุเรียนจะสร้างมูลค่าได้ไม่น้อยกว่า 50,000 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าว:ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร