ธนาคารกสิกรไทย ขอรับผิดและเสียใจ หลังเกิดเหตุระบบทำธุรกรรมล่มเมื่อสิ้นเดือนส.ค.นี้

05 กันยายน 2561, 15:29น.


หลังเกิดเหตุระบบดิจิทัลของหลายธนาคารล่มเมื่อช่วงสิ้นเดือนสิงหาคม ทำให้ผู้ใช้บริการไม่สามารถทำธุรกรรมได้  นายสมคิด จิรานันตรัตน์ ประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป ในฐานะประธานชมรมเทคโนโลยีสารสนเทศ สมาคมธนาคารไทย ยอมรับว่า เหตุการณ์วันที่ 31 สิงหาคมมีจุดเริ่มต้นมาจากธนาคารกสิกรไทย ที่เจ้าหน้าที่ดูแลระบบพยายามเข้าไปจัดการปัญหาในระบบแต่ผิดพลาด จนทำให้อุปกรณ์เครือข่ายหลัก(Core Switch) ของธนาคารกสิกรไทยไม่สามารถทำงานได้ตั้งแต่เวลา 06.30น. บริษัทกลางที่ดูแลการเชื่อมต่อระบบระหว่างธนาคาร(ITMX) จึงได้ตัดระบบของธนาคารกสิกรไทยออกจากระบบกลางทันที และธนาคารได้เร่งแก้ไขจนกลับมาใช้ได้ปกติเมื่อเวลา 11.00น. โดยวันที่ 31 มีปริมาณธุรกรรมมากถึง 5,360,000 รายการ ส่วนวันที่ 1 กันยายน เกิดจากมีผู้ใช้บริการทำธุรกรรมโอนเงินผิดรหัสกว่า 40,000 รายการตลอดวัน โดยไปกรอกเบอร์โทรศัพท์ในช่องเลขรหัสบัญชีแทน ส่งผลให้ ITMX ตัดระบบดิจิทัลของธนาคารออกจากระบบกลางทันทีเมื่อเวลา 10.15น. ธนาคารจึงเปลี่ยนไปใช้อีกระบบทดแทน แต่ก็ทำให้ผู้ใช้บริการที่โอนต่างธนาคารไม่สามารถโอนเงินเข้าธนาคารกสิกรไทยได้ ธนาคารจึงเร่งแก้ไขและกลับมาใช้ได้ตามระบบปกติเมื่อเวลา 16.11น.ในวันเดียวกัน



ธนาคารกสิกรไทยขอรับผิดและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยืนยันว่าระบบที่ล่มต่อเนื่องสองวันติดไม่ได้เกิดจากตัวระบบของธนาคารกสิกรไทย และไม่ได้ส่งผลเสียหายเป็นมูลค่าเงิน เพียงแต่ส่งผลให้การทำธุรกรรมล่าช้าเท่านั้น ส่วนการล่มของธนาคารอื่นไม่ขอยืนยันว่าเกิดมาจากการล่มของธนาคารกสิกรไทย 



นาย สมคิด ระบุด้วยว่า หลังมีบริการโอนฟรีส่งผลให้ผู้ใช้บริการหันมาทำระบบดิจิทัลมากขึ้นผ่านธนาคารต่างๆถึงร้อยละ 30  ตลอดเดือนสิงหาคม  ธนาคารกสิกรไทยมีปริมาณธุรกรรมในระบบดิจิทัลกว่า 635 ล้านรายการ ซึ่งปัจจุบันระบบของธนาคารกสิกรไทยรองรับธุรกรรมได้วินาทีละ 6,000 รายการ โดยสิ้นปี 2562 ตั้งเป้าให้รองรับได้วินาทีละ 50,000 รายการ

ข่าวทั้งหมด

X