นายกฯกำชับบริหารจัดการน้ำต้องระวังกระทบภัยแล้ง ดันศก.เน้นช่วยคนจน

หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุถึง สถานการณ์น้ำในประเทศว่า ในที่ประชุมในวันนี้ได้ให้ สำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.)  ติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และข้อมูลจาก GISDA ที่มีกลุ่มฝนในประเทศอาเซียนให้นำข้อมูลดังกล่าวมาประเมินการบริหารจัดการน้ำ สามารถประเมินสถานการณ์น้ำในอนาคตได้ ซึ่งคาดการณ์ว่า ในเดือนกันยายน นี้จะมีปริมาณน้ำฝนที่ลดน้อยลง แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับมรสุม โดยรัฐบาลได้สั่งการให้วางแผนการบริหารจัดการน้ำ เพื่อไม่ให้เกิดการพร่องน้ำที่มากเกินไปจนเกิดภาวะแล้ง ที่ต้องระมัดระวังทั้ง 2 ทางทั้งภัยแล้งและน้ำท่วม

ส่วนสภาวะเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบัน นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขณะนี้เศรษฐกิจระดับบนอยู่ในสภาวะที่ดีขึ้นมาโดยตลอด ปัญหาที่ยังคงติดอยู่ คือต้องไม่ลืมคนที่มีรายได้น้อย ซึ่งในวันนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล ทั้งราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ต้องไปศึกษาข้อกฎหมายว่าสามารถทำอย่างไรได้บ้าง ไม่ใช่ว่าจะสามารถใช้อำนาจได้ทุกอย่างในระบบการค้าเสรี ซึ่งต้องติดตามเศรษฐกิจในต่างประเทศทั้งการกีดกันการค้าของประเทศมหาอำนาจ  ซึ่งรัฐบาลเองก็ต้องหามาตรการในการป้องกัน

ส่วนกรณีศาลในประเทศเมียนมาตัดสินจำคุก 2 นักข่าวรอยเตอร์ เป็นเวลา 7 ปี ในข้อหาละเมิดกฎหมายทางราชการ โดยรายงานข่าวในการสังหารหมู่ชาวโรงฮิงญาเมื่อปีที่แล้ว นายกรัฐมนตรี ระบุว่า  ส่วนตัวมองว่าไม่เกี่ยวอะไรกับประเทศไทย และการตั้งคำถามว่ามีโอกาสเกิดขึ้นในไทยหรือไม่ เป็นคำถามแบบนี้ไม่สมควร เพราะทุกประเทศมีกฎหมายเป็นของตัวเอง หากกฎหมายต่างประเทศว่าอย่างไร หรือทำผิดกฎหมายหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของการดำเนินการทางกฎหมาย และปัจจุบันรัฐบาลก็ไม่ได้บังคับใช้กฎหมายทุกเรื่อง หลายๆเรื่องก็ปล่อยบ้าง ผ่อนผันบ้าง ไม่ได้ปิดกั้นทุกอย่าง ดังนั้นขอให้เข้าใจว่า ก็ยังมีประชาชนส่วนหนึ่งสนับสนุนรัฐบาล อีกส่วนไม่สนับสนุนรัฐบาลก็โจมตี ว่ากล่าวในโซเชียลมีเดีย ซึ่งคนที่พอใจในการทำงานของรัฐบาลก็มาช่วยสร้างเครือข่าย ซึ่งรัฐบาลก็ไม่จำเป็นต้องไปทำ และไม่ต้องใช้งบประมาณด้วยซ้ำ