การตรวจสอบร้านสักลาย ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) จากกรณีการเสียชีวิตของหญิงสาววัย 22 ปี พร้อมเพื่อนรวม 4 คน หลังเดินทางไปสักลายที่ตลาดคลองหลอด เขตพระนคร โดยใบรับรองแพทย์ระบุการเสียชีวิตว่า โรคที่ทำให้เสียชีวิตมี 3 โรคคือ Hypovolemic Shock (ช็อกจากการเสียเลือดและน้ำ) เป็นมาได้ 14 วัน โรค Acute Diarrhea (อุจจาระร่วงเฉียบพลัน) เป็นมาได้ 14 วัน และโรค Human Immunodeficiency Virus Infection (HIV) เป็นมาได้ 1 ปี
พญ.วันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกทม. กล่าวว่า กทม. ไม่นิ่งนอนใจ หลังทราบข้อมูลกรณีผู้เสียชีวิตติดเชื้อเอชไอวี หลังเดินทางมาสักลาย ย่านคลองหลอด วันที่ 1 กันยายน จึงมอบหมายให้ กองควบคุมโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อเพศสัมพันธ์ สำนักอนามัย สำนักงานเขตพระนคร ฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาลเขต ติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด จัดทีมลงพื้นที่ตรวจสอบร้านสัก บริเวณคลองหลอด พบว่าร้านสักที่ได้รับใบอนุญาต ในพื้นที่เขตพระนคร มีจำนวน 17 ร้าน ขณะเดียวกัน ในพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานคร มีร้านสักที่ได้รับอนุญาต รวมทั้งสิ้น 50 ร้าน ทั้งนี้ตามกฎหมาย ร้านที่ไม่มีใบอนุญาต จะมีบทลงโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท และจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ยกเว้นกิจการที่อยู่ในความดูแลของแพทย์และพยาบาล ส่วนตัวมองว่า กรณีนี้จะทำให้ประชาชน ตระหนักถึงเรื่องความปลอดภัยมากขึ้น อย่างไรก็ตามยังไม่อยากให้รีบด่วนสรุปการเสียชีวิต ว่ามาจากจากร้านสักลายจริงหรือไม่ เพราะ สธ. ต้องลงไปสอบสวนข้อเท็จจริงให้แน่ชัดก่อน
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ยอมรับว่าการอนุญาตเปิดกิจการร้านสักลายเป็นหน้าที่หลักของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในการออกใบอนุญาตและตรวจสอบเกณฑ์มาตรฐาน ส่วน กทม. มีอำนาจตรวจสอบร้านสักที่ตั้งภายในอาคารว่า มีใบอนุญาตหรือไม่ โดยให้แต่ละสำนักงานเขตเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนร้านเถื่อนปูเสื่อตั้งอยู่บนทางเท้า กทม. สามารถใช้อำนาจพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของเมือง พ.ศ. 2535 ดำเนินการตักเตือน สั่งปรับเท่านั้น ทั้งนี้จะขอไปศึกษารายละเอียดอีกครั้ง พร้อมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ประชาชนได้รับความปลอดภัยมากที่สุด
ผู้สื่อข่าว:เกตุกนก ครองคุ้ม