กทม.ไล่ออกครู รร.ย่านคลองเตยฐานผิดวินัยร้ายแรง

03 กันยายน 2561, 13:34น.


การดำเนินการตามวินัยกับนายทิมทอง ปัญญาอิน ครูวิทยฐานะชำนาญการ โรงเรียนวัดสะพาน เขตคลองเตย ที่ได้กระทำผิดวินัยร้ายแรง มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับนักเรียนหญิง ช่วงปีการศึกษา 2556 จำนวน 16 รายและมีพฤติกรรมลักษณะเดียวกันกับนักเรียนวัย 15 ปี เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2561 โดยก่อนหน้านี้ทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) มีคำสั่งให้นายทิมทอง ไปช่วยราชการที่สำนักเขตคลองเตย 


นายเกรียงยศ สุดลาภา รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร (ก.ก.) วันที่ 28 สิงหาคม 2561 มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ไล่ออกนายทิมทองออกจากราชการ เนื่องจากเห็นว่าพฤติการณ์ เป็นการกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรง เป็นผู้ประพฤติชั่วร้ายแรงและฐานกระทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เรียนหรือนักศึกษาไม่ว่าจะอยู่ในความดูแลของตนหรือไม่เป็นความผิดวินัยร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2557 และข้อบังคับคุรุสภาจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ.2556 มีผลบังคับเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2561 ปัจจุบันนายทิมทอง จึงไม่ได้สอนและปฎิบัติราชการภายในโรงเรียนวัดสะพานแล้ว รวมถึงไม่สามารถบรรจุเป็นครูในโรงเรียนอื่นได้ เนื่องจากมีคำสั่งลงโทษถูกไล่ออกจากราชการ ซึ่งคำสั่งนี้ เป็นผลการสืบสวนพฤติกรรมนายทิมทองเมื่อปี 2556 ส่วนกรณีล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายน คณะอนุกรรมการ (อ.ก.ก.) วิสามัญเกี่ยวกับวินัยและการออกราชการ อยู่ระหว่างการพิจารณาสอบสวนข้อเท็จจริง แม้ต้องใช้ระยะเวลา แต่ได้กำชับเร่งรัดการพิจารณาให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น คาดใช้ระยะเวลาไม่นาน


โดยในที่ประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร วันนี้ จะนำผลพิจารณา รายงานต่อที่ประชุมพร้อมกำหนดนโยบายให้ผู้อำนวยการเขต และผู้อำนวยการโรงเรียนติดตามใกล้ชิด ให้มีการประชุมผู้บริหารโรงเรียนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อติดตามพฤติกรรมของครูผู้สอนภายในโรงเรียน ส่วนผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสะพานนั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและรู้เห็น จึงไม่มีบทลงโทษ แต่ต่อไป กทม. จะกำหนดบทลงโทษผู้อำนวยการโรงเรียนด้วย หากกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นอีก ผู้บริหารโรงเรียนต้องร่วมรับผิดชอบ 


ด้านการเยียวยาผู้เสียหายและผู้ปกครอง กทม.จะเรียกผู้เสียหายเข้ามาพูดคุย หลังผลพิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว แต่เบื้องต้นผู้เสียหายและผู้ปกครองจำเป็นต้องเดินทางไปพบสหวิชาชีพและจิตเวชก่อนเพื่อตรวจสอบว่าได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง 


ทั้งนี้เรื่องการแตะเนื้อต้องตัวเด็กนักเรียน ทั้งครูผู้หญิงและผู้ชาย มีการกำหนดเป็นข้อห้ามอยู่ในมาตรการรักษาความปลอดภัยของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครทั้ง 437 แห่ง และกำหนดลงในคู่มือการเรียนการสอนของครูผู้สอน แต่ยอมรับว่าการดูแลบุคคลให้อยู่ภายใต้มาตรการเป็นเรื่องยาก ส่วนที่มีการแสดงความเห็นว่ากระบวนพิจารณากรณีนี้ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2556 เป็นไปล่าช้า ชี้แจงว่า เนื่องจากเดิมสรุปผลเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง แต่ ก.ก. เห็นว่าต้องลงโทษวินัยร้ายแรง จึงส่งเรื่องตีกลับและให้สืบสวนใหม่ นอกจากนี้ ในการสืบสวนพยานและข้อเท็จจริง พยานไม่เดินทางมาตามนัดหมาย ส่วนในอนาคตหากเกิดเหตุลักษณะเดียวกัน จะให้ตั้งสมมุติฐานเป็นความผิดวินัยร้ายแรงไว้ก่อน เพื่อให้การสืบสวนรวดเร็วขึ้น ส่วนการร้องเรียนของผู้ปกครองหากเกิดเหตุในลักษณะเช่นนี้อีก ไม่จำต้องร้องต่อผู้อำนวยการโรงเรียน แต่สามารถเข้าร้องเรียนกับผู้อำนวยการเขตได้โดยตรง ในฐานะผู้พิทักษ์นักเรียน 


...


ผสข.เกตุกนก ครองคุ้ม
ข่าวทั้งหมด

X