จากเหตุ นายนพเก้า สุคนธรัตน์ หรือแบงค์ อายุ 19 ปีเสียชีิวิตจากถูกคนร้ายยิงทะลุหมวกกันน็อคจนเสียชีวิตบริเวณ ปากซอยราษฎร์อุทิศ 23 พื้นที่ สน.มีนบุรี
พลตํารวจตรี สมพงษ์ ชิงดวง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า คดีนี้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลสั่งการให้เร่งสืบสวนติดตามคนร้าย เนื่องจากเป็นเหตุอุกอาจ ซึ่งหลังสืบสวนทราบเบาะแสคนร้ายว่ามีผู้ร่วมกันก่อเหตุ 4 คน ขณะนี้สามารถจับกุมได้ 3 คน คือนายวิรัตน์ รัสมี หรือบุก อายุ 19 ปี, นายจิรัฐติกาล เปรื่องการงาน หรือเบน อายุ 19 ปี และนายเขมชาติ สำรองคำ หรือเหยิน อายุ 18 ปี ส่วนอีก 1 คนที่ยังหลบหนี คือนายวีระศักดิ์ บุญเพ็ง หรือจู้ ล่าสุดทางผู้ปกครองได้ติดต่อว่าจะพาเข้ามอบตัว โดยจับกุมทั้ง 3 คนได้ที่บ้านพัก พร้อมของกลางที่ใช้ก่อเหตุ อาวุธปืนกล็อก 1 กระบอก, ปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ของผู้ตาย 1 กระบอก, หมวกนิรภัย 2 ใบ, รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นเวฟ สีแดง 1 คัน, รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้าซิตี้ สีเทาดำ ทะเบียน 6กร2148 กทม. 1 คัน และอุปกรณ์ตกแต่ง ชุดสีรถจักรยานยนต์สีน้ำเงินที่ถูกเผาทำลาย 1 ชุด

จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และยืนยันว่าไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่างสถาบัน แต่เพราะเคยมีปัญหากันมาก่อน ต่างคนต่างระแวงกัน จึงพกปืนติดตัวเพื่อป้องกันตัวเอง จนกระทั่งวันเกิดเหตุนายบุกและนายจู้พบนายแบงค์ขับรถจักรยานยนต์อยู่ จึงขับไล่ตามมาถึงบริเวณปากซอยราษฎร์อุทิศ 23 และยิงนายแบงก์จนเสียชีวิต ระหว่างหลบหนีก็โทรหานายเบนและนายอามีน ให้ขับรถฮอนด้าซิตี้มาจอดไว้ที่ซอย มิตรไมตรี 30 จากนั้นได้เปลี่ยนเสื้อผ้า สลับรถ และแยกย้ายกันไป จนมาทราบข่าวภายหลัง จึงได้นำเสื้อผ้าและชุดสีรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในวันก่อเหตุไปเผาทิ้ง
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่มีการนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผน เนื่องจากผู้ต้องหาไม่สมัครใจ
ด้าน นายสมบูรณ์ สุคนธรัตน์ พ่อของผู้เสียชีวิต และครอบครัวได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจนครบาลมีนบุรี และกล่าวว่า ในวันเกิดเหตุมีคนรู้จัก วิ่งมาบอกว่าลูกชายถูกยิง ตอนนั้นตกใจและรีบวิ่งไปดู ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ที่ผ่านมาได้คอยเตือนลูกบอกให้ลูกระวังตัวทุกครั้งที่ไปเรียน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกว่ารุนแรงเกินไป ไม่ควรถึงขนาดฆ่ากัน พ่อแม่ทุกคนเป็นห่วงลูกเหมือนกัน ซึ่งหลังจับคนร้ายได้ ก็รู้สึกสบายใจขึ้น เพราะตำรวจใช้เวลาเพียง 1 สัปดาห์ในการทำงาน พร้อมฝากไปถึงวัยรุ่นให้ต่างคนต่างเรียน เลิกเรียนแล้วก็กลับบ้าน และอยากให้สถาบันคอยดูแลเด็กๆ อย่าให้มาทะเลาะวิวาท ทั้งกล่าวด้วยว่า ยังไม่ได้คุยกับคนร้าย แต่หากจะมาขอขมาก็พร้อมที่จะให้อภัย
ด้านนางพรพรรณ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา แม่ของผู้เสียชีวิต ไม่เชื่อว่าจะเป็นความขัดแย้งส่วนตัว แต่เชื่อว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างสถาบัน เนื่องจากที่ผ่านมาลูกไม่เคยเล่าปัญหาอะไรให้ฟัง ส่วนที่ระบุว่า ลูกชายก็พกปืนเหมือนกันนั้น ตนเองก็ต้องไปถามตัวคนร้ายก่อน และอยากถามว่าเพราะเหตุใดอาวุธปืนถึงหาง่าย พร้อมตั้งคำถามว่าทำไมบทลงโทษการพกอาวุธปืนถึงมีอัตราโทษเบา
...
ผสข.ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ