ทันสถานการณ์โลก 3 กันยายน 2561

03 กันยายน 2561, 06:03น.


ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เดินหน้าตามแผนเพื่อเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเป็นเงิน 200,000 ล้านดอลลาร์ทันทีที่การทำประชาพิจารณ์เสร็จสิ้นในวันที่ 6 กันยายนนี้ และเตรียมถอนสหรัฐฯ ออกจากองค์การการค้าโลก หรือ ดับเบิลยูทีโอ โดยสหรัฐฯ เก็บภาษีสินค้าจีนไปแล้ว 50,000 ล้านดอลลาร์ และรัฐบาลจีนตอบโต้ด้วยภาษีมูลค่าเท่ากัน แต่การกำหนดวงเงินภาษี 200,000 ล้านดอลลาร์จะยิ่งทำให้สงครามการค้าระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลกมีความรุนแรงมากขึ้น  ส่วนการที่ประธานาธิบดี ทรัมป์กล่าวโจมตีข้อเสนอของสหภาพยุโรปในการลดภาษีรถยนต์ว่ายังไม่ดีพอ ทั้งเห็นว่านโยบายการค้าของอียูเกือบจะเลวเหมือนจีน ซึ่งทำลายความเชื่อมั่นในทางบวกของนักลงทุน



นายรามอน โลเปซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่าสหรัฐฯ ทำให้เอเชียแปซิฟิกมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะเดินหน้าเจรจาเพื่อบรรลุความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP



กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศตัดเงินช่วยเหลือปากีสถาน 300 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากรัฐบาลปากีสถานไม่ได้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับกลุ่มติดอาวุธและกลุ่มก่อการร้าย ในยุทธศาสตร์ด้านเอเชียใต้ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นวงเงินงบประมาณของกองทุนสนับสนุนชาติพันธมิตร (ซีเอสเอฟ) ซึ่งตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปี ประธานาธิบดี ทรัมป์ กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดก่อนให้เงินช่วยเหลือปากีสถานจำนวนมาก แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือคำโกหกหลอกลวง



และหากสภาคองเกรสเห็นชอบการตัดเงินช่วยทางกลาโหมก็จะนำเงินจำนวนนี้ไปใช้จ่ายในด้านอื่นที่มีความสำคัญเร่งด่วนมากกว่า โดยเมื่อต้นปีสหรัฐฯ ระงับเงินช่วยเหลือปากีสถานไปแล้ว 500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหากเห็นชอบการตัดเงินช่วยเหลือในรอบนี้ ก็จะทำให้มีการตัดลดเงินช่วยเหลือรวมเป็น 800 ล้านดอลลาร์



ประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป เอร์โดอาน ของตุรกี ประกาศในการประชุมด้านธุรกิจที่กรุงบิชเคกของคีร์กีซสถานว่า ตุรกีจะใช้การปริวรรตเงินตราในการค้าขายกับรัสเซียและประเทศอื่นๆ โดยไม่ใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ เพราะมีพฤติกรรมไม่น่าเชื่อถือ โดยตุรกีและรัสเซียต่างถูกสหรัฐฯใช้มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจอย่างหนัก จนทำให้ค่าเงินสกุลลีราของตุรกีและรูเบิลของรัสเซียอ่อนค่าลงอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้ประธานาธิบดี เอร์โดอานเห็นว่า การใช้เงินดอลลาร์มีแต่จะทำร้ายตุรกีและรัสเซีย จึงมีการเจรจากันว่าจะค้าขายกันโดยไม่ใช้เงินสกุลนี้



ที่เยอรมนี มีการชุมนุมประท้วงของกลุ่มขวาจัด และกลุ่มนิยมฝ่ายซ้ายที่เมืองเคมนิทซ์ ทางภาคตะวันออกของประเทศ ทำให้เกิดการเผชิญหน้ากันและทำให้มีผู้บาดเจ็บจากการปะทะกันมากกว่า 9 คน โดยการประท้วงที่เมืองเคมนิทซ์มีจุดเริ่มต้นจากเหตุชายชาวเยอรมันผู้หนึ่งถูกแทงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 สิงหาคมแล้วมีผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวซีเรียกับอิรัก นำไปสู่การชุมนุมต่อต้านผู้อพยพซึ่งบรรยากาศการชุมนุมมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงเมื่อวันที่ 1 กันยายน กลุ่มพรรคการเมืองขวาจัดที่มีนโยบายต่อต้านผู้อพยพมาเข้าร่วมการชุมนุมด้วย พร้อมปลุกระดมให้ผู้ที่ไม่มีความไว้วางใจชาวต่างชาติเข้าร่วมการชุมนุมด้วย แต่ทำให้กลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มขวาจัด และพรรคการเมืองออกมาร่วมการชุมนุมเพื่อคัดค้านการเหยียดเชื้อชาติ



ตำรวจคาดว่า จำนวนผู้ชุมนุมของทั้ง 2 กลุ่มมีจำนวนประมาณ 9,500 คน และต้องระดมกำลังมาจากหลายพื้นที่เพื่อไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ากัน แต่หลังจากที่ผู้ชุมนุมแยกย้ายกันกลับไปแล้วกลับพบเหตุปะทะกันและการทำผิดกฎหมายอย่างน้อย 25 กรณี ซึ่งมีทั้งการทำร้ายร่างกาย, การทำลายทรัพย์สิน, และการขัดขืนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รักษากฎหมาย ทั้งพบเหตุทำร้ายร่างกายชาวต่างชาติด้วย



จนมาถึงวันอาทิตย์ (2 ก.ย.) ก็ยังพบการชุมนุมประท้วงเกิดขึ้นอีก ซึ่งนอกจากจะมีกลุ่มต่อต้านชาวต่างชาติ กับกลุ่มคัดค้านแล้ว ยังมีกลุ่มที่จัดโดยคริสตจักรโปรเตสแตนต์ด้วย



ส่วนที่กรุงโมกาดิชู โซมาเลีย กลุ่มอัลชาบับก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในรถยนต์ด้านหน้าศาลาว่าการ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 รายและบาดเจ็บ 15 คน ซึ่งหลายคนในกลุ่มนี้เป็นนักเรียน อาคารศาลาว่าการกรุงโมกาดิชูได้รับความเสียหายอย่างหนัก นอกจากนี้แล้วแรงระเบิดยังทำให้อาคารหลายหลังได้รับความเสียหายรวมถึงโรงเรียนสอนศาสนา และศาสนสถาน  



กองกำลังนานาชาติที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย ยอมรับว่าเกิดความผิดพลาดในการปฏิบัติทางอากาศในเยเมนเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ที่มีการโจมตีรถบัสนักเรียน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 51 รายโดยเป็นเด็กถึง 40 คนและมีผู้บาดเจ็บ 79 คนซึ่งเป็นเด็ก 56 คน กาชาด เปิดเผยว่า รถบัสนักเรียนคันนี้พาเด็กนักเรียนไปทัศนศึกษาและในระหว่างเดินทางกลับรถแวะจอดที่ตลาดแห่งหนึ่งในจังหวัดซาดา ซึ่งเป็นเขตยึดครองของกลุ่มกบฏฮูตี



กองกำลังนานาชาติ ชี้แจงว่าได้รับรายงานข่าวกรองแจ้งว่า ในรถมีผู้นำกลุ่มกบฏและนักรบ กองกำลังจึงมีแผนปฏิบัติการ จากนั้นก็มีคำสั่งให้ระงับการโจมตี แต่คำสั่งที่ 2 นี้มาช้าเกินไป ทางกองกำลังขอแสดงความเสียใจต่อผู้สูญเสีย และจะประสานงานกับรัฐบาลเยเมนเพื่อมอบเงินชดเชย รวมถึงทบทวนกฎการปะทะ



รัฐบาลอียิปต์ประกาศการบังคับใช้กฎหมายฉบับใหม่ ว่าด้วยการจัดระเบียบและตรวจสอบเครือข่ายสังคมออนไลน์ หลังจากที่ประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตอห์ เอล-ซิซี ลงนามอนุมัติ โดยมีสาระสำคัญคือ บัญชีผู้ใช้งานหรือการเปิดเพจบนเครือข่ายสังคมออนไลน์แห่งใดก็ตามที่มีผู้ติดตามมากกว่า 5,000 คน ต้องอยู่ภายใต้การตรวจตราดูแล โดยสภาสูงสุดแห่งชาติด้านการตรวจสอบสื่อ ซึ่งมีอำนาจเต็มในการระงับหรือปิดบัญชีผู้ใช้งาน หากตรวจสอบพบว่ามีเจตนาเผยแพร่ข่าวปลอมหรือข้อมูลที่ผิดกฎหมาย และมีเนื้อหามุ่งสร้างความเกลียดชัง แต่กฎหมายฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้เพียง 1 เดือน โดยเจ้าของเว็บไซต์และผู้ดูแลจะถูกลงโทษทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ที่เข้าชมเว็บไซต์นั้น หากเจ้าหน้าที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นการกระทำโดยเจตนาจะต้องรับโทษเช่นกัน



..

ข่าวทั้งหมด

X