การปฏิบัติการพิทักษ์ประชา 61/4 ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ช่วงวันที่ 1 กรกฎาคมถึง 30 สิงหาคม 2561 พลตำรวจตรีฤชากร จรเจวุฒิ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ได้สนธิกำลังร่วมกับสำนักงานปปส. เจ้าหน้าที่ทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันปิดล้อมตรวจค้น ปราบปราม กดดันและดำเนินการด้านทรัพย์สินต่อเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด จับผู้กระทำความผิดได้ 6,195 ราย ผู้ต้องหาทั้งสิ้น 6,392 คน เป็นคดียาเสพติดรายสำคัญจำนวน 6 ราย ผู้ต้องหา 7 คน แบ่งเป็นคดี จำหน่ายยาเสพติดจำนวน 188 ราย ผู้ต้องหา 234 คน ,ครอบครองเพื่อจําหน่าย จำนวน 1,130 ราย ผู้ต้องหา 1,204 คน,ครอบครองจำนวน 1,833 ราย ผู้ต้องหา 1,909 คน และเสพยาเสพติดจำนวน 3,044 ราย ผู้ต้องหา 3,045 คน ตรวจยึดของกลางยาเสพติดได้หลายรายการ เช่น ยาบ้า 13.4 ล้านเม็ด ไอซ์ 188 กิโลกรัม กัญชา 326 กิโลกรัม กระท่อม 203 กิโลกรัม รวมถึง จับผู้ต้องหาครอบครองอาวุธปืนจำนวน 100 คน อาวุธปืน 100 กระบอก เครื่องกระสุน 1,050 นัด และตรวจยึดทรัพย์สินรวมมูลค่า 19.1 ล้านบาท
สำหรับปฏิบัติการดังกล่าว กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ(191) สืบสวนขยายผลกลุ่มที่อยู่เบื้องหลัง จนทำลายเส้นทางการเงินทั้งจากภายในและนอกประเทศ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงทุกกองบังคับการตำรวจนครบาลตั้งแต่1-9 ที่ทำงานอย่างเข้มข้น เช่น คดีที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 เมื่อคืนนี้ จับกุมนางสาวอาภาพร รสเศรษฐา ได้ที่ซอยประชาสงเคราะห์ 2 หลังได้รับแจ้งว่ามีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดหรือโคเคนให้ผู้เสพยาเสพติดทั่วไป จึงได้แสดงตัวพร้อมตรวจค้น พบโคเคนชนิดก้อนสีขาวขุ่นบรรจุในถุงพลาสติกที่พันด้วยพลาสติกสีดำจำนวน 1 ถุง เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลาง นางสาวอาภาพร ให้การว่ารับโคเคนมาจากแฟนหนุ่มชาวไนจีเรีย ที่คบหากันประมาณ 2 เดือน และพักอาศัยอยู่ที่ห้องย่านบางกะปิ เจ้าหน้าที่ ขยายผลตรวจค้นห้องพัก เจอตัวแฟนหนุ่มชาวไนจีเรีย พร้อมของกลางโคเคนบรรจุในพลาสติกจำนวน 12 ถุง รวมน้ำหนัก 7.8 กรัม รวมถึงตรวจสอบพบว่าไม่มีหนังสือเดินทางและรับว่าเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงแจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 2 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายและเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยอมรับว่า กังวลเรื่องการซุกซ่อนยาเสพติดไว้ในพื้นที่นิติบุคคลหรือที่พักอาศัย แต่อย่างไรก็ตาม ตำรวจก็จะหาแนวทางปราบปรามต่อไป
ผู้สื่อข่าว: ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ