กรมการขนส่งทางบก ร่วมลงนาม4หน่วยงานขนส่งควบคุมดูแลรถบรรทุกสินค้า เน้นความปลอดภัย

การยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการควบคุมดูแลรถบรรทุกสินค้า กรมการขนส่งทางบก ร่วมกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย, การรถไฟแห่งประเทศไทย, การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสหพันธ์การขนส่งแห่งประเทศไทย จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการควบคุมดูแลรถบรรทุกสินค้าให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัย

ก่อนการลงนาม มีการเสวนาถึงมาตรการควบคุมรถบรรทุกสินค้าให้มีความปลอดภัย โดย นาย สนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า การขนส่งถือเป็นปัจจัยสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศ ปัจจุบันมีรถบรรทุกสินค้าจดทะเบียนอยู่กับกรมการขนส่งทางบกในระบบกว่า 28,180 คัน วิ่งรับ-ส่งสินค้าทั้งภายในและภายนอกประเทศ ดังนั้นหากมีมาตรการสร้างความปลอดภัยและป้องกันอุบัติเหตุตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางก็จะเป็นสิ่งที่ดี

กรมการขนส่งทางบกจึงได้เชิญ 4 หน่วยงานที่เป็นต้นทางของการขนส่งและควบคุมดูแลรถบรรทุกมาลงนามเพื่อสร้างความปลอดภัยในการดูแลรถบรรทุกตั้งแต่ก่อนออกจากหน่วยงานแต่ละหน่วยงาน สำหรับกรมการขนส่งทางบกมีคำสั่งให้รถบรรทุกทุกคันก่อนออกวิ่งจะต้องติดตั้งอุปกรณ์สำหรับยึดตู้บรรทุกสินค้า เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ รวมทั้งความพร้อมต่างๆของรถ เช่น อุปกรณ์ส่วนควบของรถ และตัวคนขับจะต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ และรถบรรทุกทุกคันจะต้องติดตั้งระบบจีพีเอส  อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ยอมรับว่า การป้องกันอุบัติเหตุจะต้องอาศัยทุกฝ่ายร่วมมือกันและช่วยกันตรวจสอบ โดยพนักงานประจำรถจะต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมและผู้ใช้ทาง เชื่อว่าถ้ามีการขยายผลจากการลงนามในวันนี้ไปสู่การปฏิบัติแล้วจะทำให้เกิดผลดีทันที

ด้านเรือตรีทรงธรรม จันทประสิทธิ์ รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สายวิศวกรรม รักษาการผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระบุว่า ในส่วนของการท่าเรือยืนยันว่ามีความปลอดภัยในการส่งสินค้าทางเรือเต็มร้อย เพราะหากเกิดข้อผิดพลาดแม้แต่จุดเดียวอาจทำให้เรือล่มได้ ซึ่งการท่าเรือถือเป็นหนึ่งในต้นทางและปลายทางการส่งสินค้าที่สำคัญของประเทศ จึงมีการตรวจตราการล็อคตู้สินค้าและเช็คสภาพความพร้อมก่อนนำเรือออกเสมอ โดยการท่าเรือยินดีให้ความร่วมมือและจะนำความร่วมมือนี้ไปปฏิบัติอย่างจริงจังต่อไป พร้อมระบุว่าหากมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังในประเทศมากกว่านี้ เชื่อว่าจะทำให้อุบัติเหตุลดลงได้

ขณะที่นายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการเดินรถ การรถไฟแห่งประเทศไทย ระบุว่า รถไฟมีสัดส่วนการขนส่งร้อยละ 2 อนาคตมีแนวโน้มขยายเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 7-8 ในฐานะหน่วยงานภาครัฐก็ให้ความสำคัญกับการขนส่ง เพราะเป็นพื้นฐานสำคัญของประเทศ โดยการรถไฟยืนยันว่าการรถไฟมีมาตรการชัดเจนในเรื่องความปลอดภัยของการขนส่งและการยึดล็อครถต่างๆ