นายกฯ ชี้ แรงงานไทยต้องเคารพกฎหมาย ทำงานในต่างประเทศ

หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี  พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีสถานการณ์แรงงานไทยลักลอบทำงานที่เกาหลีใต้ จนกระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้มีแนวคิดยกเลิกการยกเว้นการตรวจลงตรา(วีซ่า) ว่า จะแก้ปัญหาอย่างไรนั้นก็ต้องให้คนไทยเคารพกติกา ซึ่งการไปทำงานประเทศไหนต้องเคารพกติกาประเทศนั้น ซึ่งประเทศไทยก็เช่นกันใครจะมาทำงานแบบไม่มีวีซ่าก็ต้องถูกจับกุมดำเนินคดี และเหมือนกันทุกประเทศที่มีกฎหมายอยู่ พร้อมเตือนคนไทยที่ไปทำงานต่างประเทศ ว่าแค่ไปทำงานแบบถูกกฎหมายก็จบแล้ว และไม่ว่าจะเป็นคนมีรายได้น้อย รายได้ปานกลาง หรือจะรายได้สูงก็ต้องเคารพกฎหมาย ตัวเดียวกันทั้งหมด

ส่วนกรณีที่มีญาติมาร้องเรียนผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ให้ช่วยเหลือนักธุรกิจไทย 4 คนติดคุกในประเทศแองโกลา ให้ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐาน ได้รับการประกันตัวออกมาสู้คดีและแต่งตั้งทนายความ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องดูกฎหมายของประเทศแองโกลาและประเทศไทยว่าไว้อย่างไร เพราะทุกวันนี้ก็มีนักโทษต่างประเทศติดคุกอยู่ในประเทศไทยเหมือนกัน และทุกประเทศก็อยากจะนำตัวกลับไป แต่ในประเทศไทยมีกฎหมายในเรื่องของคดีอาญาอยู่แล้วก็ต้องให้ทำให้เสร็จสิ้นก่อน  ซึ่งเราต้องเคารพในสิทธิของแต่ละประเทศด้วย ไม่เช่นนั้นจะอยู่ร่วมกันไม่ได้

สำหรับการออกประกาศยกเลิกการประกวดราคาจ้างผลิตและให้บริการการจัดทำอี-พาสปอร์ตเฟส 3 เนื่องจากมีเอกชนผ่านการทดสอบคุณสมบัติเพียงรายเดียว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องของหน่วยงานที่ดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมาย เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่แท้จริง ซึ่งต้องไปดูหลักการและเหตุผล พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลไม่ก้าวล่วงในเรื่องนี้

ส่วนกรณีการตั้งข้อสงสัยถึงความไม่ชอบมาพากล กรณีที่บริษัทการท่าอากาศยานไทยมีมติเห็นชอบให้กลุ่มนิติบุคคลรายหนึ่ง ที่มีนายดวงฤทธิ์ บุนนาค เป็นผู้ชนะการออกแบบโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2(terminal2) ทั้งๆที่ไม่ใช่เป็นผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดในการประกวดการออกแบบ นายกรัฐมนตรี ระบุได้ ได้ให้ ทอท. หารือตรวจสอบ ความถูกต้อง รวมถึงด้านกฎหมายว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป พร้อมย้ำว่ารัฐบาลนี้เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ต้องดำเนินการอย่างถูกต้อง   

ส่วนการเปิดประมูลร้านค้าปลอดภาษี ( duty free)รอบใหม่   นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลมีแนวทางว่าต้องทำให้เกิดความโปร่งใส  ซึ่งขณะนี้มีร้านค้าทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจในเรื่องนี้ และกำลังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ ยืนยันว่าไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้กับใคร ส่วนกรณีที่อดีตเคยมีปัญหาในเรื่องนี้ ดังนั้นปัจจุบันต้องดำเนินการให้ชัดเจนเพื่อให้ประชาชนไว้วางใจ