หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบการเติมเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้กับผู้มีสิทธิ์ตามมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หลังจากก่อนหน้านี้ ที่ประชุม มีมติเห็นชอบให้เงินช่วยเหลือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะแรก เดือนละ 200-300 บาท และเพิ่มในระยะ 2 สำหรับผู้เข้ารับการอบรมวิชาชีพ เดือนละ 100-200 บาท ตามรายได้ขั้นต่ำ เพื่อเพิ่มทางเลือก กำลังซื้อให้กับผู้มีสิทธิ์ บรรเทาปัญหาค่าครองชีพ ส่งเสริมให้เกิดการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจ จึงปรับแนวทางจากเพิ่มวงเงินรายได้ และใช้จ่ายผ่านเครื่องอ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือร้านธงฟ้าประชารัฐ เป็นการเติมเงินเข้ากระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยในแต่ละเดือนผู้ได้รับเงินอุดหนุน ระยะที่ 2 จำนวน 100-200 บาท สามารถถอนเป็นเงินสด ผ่านตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทย เพื่อใช้จ่ายได้ทันที หากมียอดเงินคงเหลือสามารถเก็บสะสมเพื่อใช้ในเดือนถัดไปได้ ส่วนระยะแรก เดือนละ 200-300 บาท ยังคงใช้กับเครื่องอ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือร้านธงฟ้าเช่นเดิม เบื้องต้นนำร่องเดือน ก.ย.- ธ.ค. 2561 ก่อนประเมินผลว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ที่ประชุมยังเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติสุขภาพปฐมภูมิ สาระสำคัญ คือ กำหนดให้มีคณะกรรมการระบบสุขภาพปฐมภูมิมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน ทำหน้าที่กำกับเชิงนโยบายควบคู่กับการกำหนดหลักเกณฑ์ เช่น เสนอนโยบายและยุทธศาสตร์เกี่ยวกับระบบสุขภาพปฐมภูมิต่อคณะรัฐมนตรี โดยมีหน่วยบริการปฐมภูมิที่เน้นการป้องกันมากกว่าการรักษาฟื้นฟูให้เหมาะสมกับพื้นที่ รวมทั้งให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการและสถาบันการศึกษาให้มีแพทย์เวชศาสตร์และผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ ครอบคลุมประชาชนที่เหมาะสม