สหรัฐฯ ยกเลิกความช่วยเหลือปาเลสไตน์ทั้งในฉนวนกาซาและเขตเวสต์แบงก์จำนวนกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งคาดว่า จะส่งผลกระทบต่อสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในฉนวนกาซาและทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจและทางด้านมนุษยธรรม ซึ่งเลวร้ายอยู่แล้วให้หนักขึ้น โดยความสัมพันธ์ระหว่างคณะผู้บริหารสหรัฐฯ กับรัฐบาลปาเลสไตน์ถึงจุดตกต่ำหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศยอมรับนครเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ส่งผลให้ปาเลสไตน์ระงับการติดต่อกับรัฐบาลสหรัฐฯ และมองว่า สหรัฐฯ ไม่สามารถแสดงบทบาทเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยในกระบวนการสันติภาพตะวันออกกลางได้อีกต่อไป แม้ประธานาธิบดีทรัมป์ จะมอบหมายให้นายจาเร็ด คุชเนอร์ บุตรเขย และนายเจสัน กรีนแบล็ท ทนายความ ร่างข้อเสนอในแผนสันติภาพฉบับใหม่ โดยนายฮิวแซม ซอมล็อท หัวหน้าคณะผู้แทนปาเลสไตน์ประจำสหรัฐฯ แถลงว่า รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังล้มเลิกวิสัยทัศน์ ซึ่งยึดถือมานานหลายสิบปี รวมถึงความเกี่ยวข้องกับปาเลสไตน์ และใช้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาและทางด้านมนุษยธรรมเป็นอาวุธหักหลังทางการเมือง ซึ่งคงไม่ประสบผลสำเร็จ
ทั้งนี้ การตัดสินใจของสหรัฐฯ ในการตัดกองทุนช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์มีขึ้นท่ามกลางวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา เนื่องจาก สถานการณ์ความรุนแรงที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ชาวปาเลสไตน์เริ่มชุมนุมประท้วงเมื่อเดือนมีนาคม และเสียชีวิตอย่างน้อย 171 คน หลังจากกองทัพอิสราเอลใช้ความรุนแรงในการปราบปราม
ทีมต่างประเทศ
FilePhoto AFP