ผอ.สสปน.ชี้ชุมชน-สหกรณ์ มีรายได้มากขึ้น ผ่านกระบวนไมซ์

การผลักดันอุตสาหกรรมไมซ์หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดประชุม นิทรรศการ การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล การประชุมนานาชาติ ลงสู่ชุมชนท้องถิ่น เพื่อสร้างรายได้ ผ่านสหกรณ์ของชุมชน  นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) กล่าวว่า เป็นความร่วมมือของ สสปน. และกรมส่งเสริมสหกรณ์ ตามแผนของ สสปน. และนโยบายของรัฐบาล ที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เคยมอบไว้ให้ว่า อยากให้การจัดการประชุมทั้งในและต่างประเทศได้กระจายสู่ภูมิภาค โดยใช้ ไมซ์ เป็นกลไกเพื่อกระจายรายได้ ให้ชุมชนได้ร่วมกันแปรรูปผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นมาเป็นอาหารว่าง อาหารกลางวัน แจกจ่ายให้กับผู้เข้าร่วมประชุม สัมมนาต่างๆ พร้อมแปรรูปเป็นของฝาก ของที่ระลึก ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการไมซ์เพื่อชุมชน

ปัจจุบันกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้คัดเลือกสหกรณ์ จำนวน 35 แห่ง นำร่องจัดทำคู่มือสถานที่จัดงานไมซ์เพื่อชุมชน เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มตลาดเป้าหมาย โดยสหกรณ์เหล่านี้ต้องมีความพร้อมทางด้านกายภาพ และการบริการ และเป็นสหกรณ์ที่อยู่ในเส้นทางของเมืองหลัก และจาก 2 ใน 35 แห่งนี้ ยังได้นำร่องพาคณะศึกษาดูงานไปลงพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับชุมชนมาแล้ว คือ สหกรณ์โคนมมวกเหล็กจำกัดจังหวัดสระบุรี และสหกรณ์การเกษตรบ้านลาดจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้เข้าร่วมเป็นอย่างดี ช่วยสร้างความตื่นตัวให้กับชุมชนในการเป็นสถานที่จัดงานไมซ์ ถือเป็นผลสัมฤทธิ์ที่ตั้งไว้

สำหรับ ตัวเลขของอุตสาหกรรมไมซ์ จากข้อมูล ในภาพรวม พบว่ามีคนไทยเดินทางไปศึกษาดูงาน จำนวน 29 ล้านคน เฉลี่ยสร้างรายได้ ปีละ 62,000 ล้านบาท ส่วนชาวต่างชาติ ที่มาศึกษาดูงาน มีจำนวน 1,300,000 คน มูลค่า 120,000 ล้านบาท โดยร้อยละ 70 ชาวต่างชาติยังคงนิยมมาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และรองลงมาคือเมืองหลัก เช่น ภูเก็ต

อย่างไรก็ตาม สสปน. ก็ยังส่งเสริม ผลักดันการสร้างรายได้ในเมืองรองด้วย แต่ยอมรับว่ากลุ่มคณะผู้แทนองค์กรหรือผู้ร่วมศึกษาดูงานมีจำนวนมาก ทำให้มีข้อจำกัดด้านที่พัก ดังนั้นในเมืองรอง สสปน. จะเน้นการจัดกิจกรรมระยะเวลาสั้น ตามความเหมาะสมของสถานที่ แต่ยังคงมุ่งให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชนเช่นกัน