การประชุมกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับสังคม นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านสังคมและประธานคณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ด้านการศึกษา เปิดเผยถึง การบริหารงานด้านสังคม ว่าหลังจากนี้ การทำงานด้านสังคมทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องจะต้องทำงานร่วมกัน ซึ่งเรื่องแรกที่จะดำเนินการ คือ การสร้างสังคมที่เกื้อกูลช่วยเหลือกัน โดยเฉพาะ การดูแลผู้พิการ และผู้สูงอายุ เนื่องจากอีก 20 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาบุคลากรส่วนนี้ให้เป็นทรัพยากรที่สำคัญของสังคม โดยการทำงานจะให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกันสร้างสถาบันเทคโนโลยีเพื่อคนพิการและผู้สูงอายุในการยกระดับสถานะให้เท่าเทียมบุคคลอื่นๆในสังคม นอกจากนี้จะมีการจัดระบบ E-Health ซึ่งจะเป็นการรวบรวมข้อมูลสุขภาพของประชาชนในระดับชุมชน ทั้งสุขภาพ การศึกษา การเข้าถึงการบริหารจัดการระบบน้ำในชุมชน และเชื่อมโยงกับข้อมูลข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ส่วนการปฏิรูประบบการศึกษา จะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และต้องเปลี่ยนแนวคิด ว่าครูเป็นผู้สอน เพื่อให้ครูและนักเรียนสามารถเรียนรู้ไปด้วยกันได้ รวมถึงต้องมีการปรับหลักสูตรการเรียนจะต้องมีความทันสมัย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้ผู้สอนมีจิตวิญญาณความเป็นครูมากขึ้น โดยจะใช้ระยะเวลา 1 ปีในการวางรากฐานบุคลากรครู ส่วนการทำงานของกระทรวงศึกษาธิการ กับ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา จะต้องจัดระบบให้เชื่อมโยงกัน เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันได้ ส่วนปัญหาภาพลักษณ์ของสถาบันอาชีวะ จะต้องมีการปรับทัศนคติให้ดีขึ้น ทั้งนี้ยอมรับว่า การปฏิรูปการศึกษาไม่อาจเสร็จสิ้นภายใน 1 ปี
นอกจากนี้ นายยงยุทธ ยังกล่าวถึงเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการ ว่า ขณะนี้ประเทศยังอยู่ในสภาวะไม่ปกติ จึงต้องระมัดระวังการแสดงความเห็น ยืนยันว่าไม่ได้ห้ามแสดงออก แต่ต้องช่วยกันดูแลไม่ให้สถานการณ์บานปลาย และวันนี้รัฐบาลเป็นห่วงในเรื่องความมั่นคงเป็นหลักทำให้อาจมีความเห็นต่างจากนักวิชาการ
บุศรินทร์