รองโฆษกสตช.ยืนยันหลักเกณฑ์โยกย้ายตร.ตามหลักอาวุโล ไม่เปิดโอกาสวิ่งเต้น

16 สิงหาคม 2561, 16:15น.


หลังนายวิทยา แก้วภราดัย และนายราเมศ รัตนะเชวง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจตามหลักอาวุโส ฉบับลงวันที่ 25 กรกฎาคม 2561 ว่าเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 258 และมาตรา 260 หรือไม่ โดยระบุว่า เป็นการเปิดโอกาสให้มีการวิ่งเต้น



พลตำรวจตรีปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การระบุว่าขัดรัฐธรรมนูญเป็นการพูดให้เข้าใจผิด ยืนยันว่าการออกประกาศดังกล่าวปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและการออกประกาศ เป็นไปตามหลักอาวุโสที่รัฐธรรมนูญกำหนดทุกประการ และแตกต่างจากกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ที่ผ่านมาหลายประเด็นละเอียด และป้องกันการวิ่งเต้นโยกย้ายได้ดีขึ้น เปิดโอกาสให้ตำรวจร้องเรียนได้  โดยการพูดให้เสียหาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังพิจารณาดำเนินคดีกับนายวิทยาแล้ว



ด้านพลตำรวจตรีสรไกร พูลเพิ่ม รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล  กล่าวว่า การออกประกาศเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ โดยพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยกร่างเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) และก่อนครม. จะเห็นชอบประกาศนี้ ก็ผ่านการพิจารณาของกฤษฎีกาแล้ว ยืนยันเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กำหนดหลักอาวุโส และการแต่งตั้งตำรวจต้องใช้หลักพิจารณาตามอาวุโสร้อยละ 33 อย่างชัดเจน ในทุกระดับตำแหน่ง ถือว่ากำหนดชัดเจนกว่ากฎเกณฑ์แต่งตั้งที่ผ่านมา และไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใคร ทุกคนต้องอยู่ในหลักและกฎเกณฑ์นี้ 



โดยภายในสัปดาห์นี้จะเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกประกาศสำดับอาวุโสในการแต่งตั้ง ส่วนการแต่งตั้งระดับชั้นนายพลตำแหน่งผู้บังคับการ ถึงรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต้องรอให้กระบวนการการแต่งตั้งกลุ่มที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ที่แต่งตั้งไปก่อนหน้านี้เรียบร้อยเสียก่อน หากไม่ทันตามกรอบเวลาที่ต้องแต่งตั้งชั้นนายพลเสร็จสิ้นภายในเดือนสิงหาคม ก็เตรียมขออนุมัติ ก.ตร. เพื่อขอขยายเวลาการแต่งตั้งไว้แล้ว โดยการแต่งตั้งระดับนายพล จะทำพร้อมกันคราวเดียวตั้งแต่ผู้บังคับการ-รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ



 

ข่าวทั้งหมด

X