หลังจากเมื่อวันที่ 13 ส.ค. มีฝนตกหนักต่อเนื่องบนเขาเขียว อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ทำให้เกิดน้ำป่าไหลลงมาที่ลำนางรองและไหลลงสู่แม่น้ำนครนายกด้านท้ายเขื่อนขุนด่านปราการชล จนส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำนครนายกเพิ่มสูงขึ้นและท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำบางแห่งในจังหวัดนครนายก ช่วงบ่ายนี้พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน และคณะ ลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนขุนด่านปราการชล
พลเอกฉัตรชัย เปิดเผยว่า จากการรายงานของ สทนช. กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่า สถานการณ์น้ำที่เขื่อนขุนด่านฯ ซึ่งเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 สามารถเก็บกักปริมาณน้ำที่เกิดจากฝนที่ตกหนักภายในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ทำให้ลดความรุนแรงและความเสียหายที่เกิดจากน้ำป่าไหลหลากในครั้งนี้ได้ หากไม่มีเขื่อนขุนด่านฯ ปริมาณน้ำกว่า 20 ล้านลูกบาศก์เมตร จะไหลลงสู่คลองท่าด่าน มาสมทบกับปริมาณน้ำจากคลองวังตะไคร้ คลองมะเดื่อ คลองนางรองและคลองสาริกา ทำให้สถานการณ์น้ำรุนแรงและสร้างความเสียหายมากกว่าเดิม จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้นักท่องเที่ยวทุกคนปลอดภัยดี สถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ระดับน้ำในแม่น้ำนครนายกลดลง
โดยนายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วง จึงมอบหมายให้ตนเองเดินทางมาติดตามการทำงานในระยะต่อไป เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนขุนด่านฯ2วันที่ผ่านมาค่อนข้างสูง ดังนั้นจะต้องวางแผนเร่งระบายน้ำออก ประกอบกับนำพยากรณ์อากาศมาเป็นข้อมูล เพื่อเตรียมรับมือและป้องกันปัญหา หากเกิดพายุฝนขึ้น แต่การระบายน้ำออก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือประชาชนต้องไม่ได้รับผลกระทบ หรือ ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด นอกจากนี้ พลเอกฉัตรชัย สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ศึกษาการติดตั้งระบบแจ้งเตือนภัยน้ำหลากในพื้นที่ต้นน้ำในเขตอนุรักษ์ เพื่อแจ้งเตือนประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ทันที รวมถึงให้เร่งศึกษาแนวทางพัฒนาบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำนครนายกตอนบน โดยเฉพาะในลำน้ำสาขาที่ยังไม่มีเครื่องมือในการบริหารจัดการน้ำ เช่น คลองมะเดื่อ เพื่อเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.)พิจารณาต่อไป ขณะเดียวกันได้ให้สทนช.และกรมชลประทานเฝ้าติดตามปริมาณน้ำในเขื่อนทั่วประเทศอย่างใกล้ชิด โดยมีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการที่กรมชลประทานแล้ว
สำหรับปริมาณน้ำในเขื่อนขุนด่านฯดร.ทวีศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ185 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 83 ของความจุ ยังอยู่ในเกณฑ์ควบคุมได้ ช่วงที่ฝนตกหนักในพื้นที่ตอนบนบริเวณเขาเขียว ส่งผลให้มีน้ำไหลลงอ่างวันละประมาณ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร การระบายน้ำได้ระบายวันละประมาณ 3ล้านลูกบาศก์เมตร เห็นได้ว่าได้ทำหน้าที่ในการหน่วงน้ำและชะลอน้ำไม่ให้ไหลลงสู่พื้นที่ตอนล่างที่ประสบปัญหาน้ำท่วม การระบายจากเขื่อนขุนด่านฯจึงไม่ใช่สาเหตุให้เกิดน้ำท่วม ทั้งนี้ ในช่วงต้นฤดูฝน กรมชลประทาน ได้ติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาและวางแผนบริหารจัดการน้ำในเขื่อนขุนด่านฯให้อยู่ในเกณฑ์ที่สามารถควบคุมให้เหมาะสมตามสถานการณ์ แม้จะมีแนวโน้มปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนเพิ่มมากขึ้น แต่กรมชลประทานพร้อมที่จะบริหารจัดการน้ำไม่ให้กระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายเขื่อนหรือกระทบให้น้อยที่สุด
จากการรายงานของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนขุนด่านฯพบว่าในวันที่13สิงหาคมมีปริมาณน้ำ 163 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 73 ของความจุ หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้มีปริมาณน้ำในวันรุ่งขึ้นสูง เพิ่มขึ้นเป็น 174 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 78 ของความจุ
ผู้สื่อข่าว:ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ