หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกระแสข่าวการแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ว่า ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวยังไม่มีการบังคับใช้ จึงยังไม่มีการแก้ไข ดังนั้นขอให้รอการโปรดเกล้าฯลงมาก่อน เพื่อหาวิธีการให้กกต.ชุดเก่าและใหม่สามารถทำงานได้ เช่นการเลือกตั้งคณะกรรมการจังหวัด ไม่ใช่จะยกเลิกกฎหมายทั้งหมดหรือทำการแก้ไขเพื่อต้องการเลื่อนการเลือกตั้ง เพราะที่ผ่านมา ยืนยันว่า ไม่เคยต้องการให้เลื่อนออกไปแต่เป็นเรื่องของกฎหมาย
ส่วนกรณีการออกคำสั่ง ม. 44 เพื่อปลดล็อกให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดปัจจุบันสามารถกำหนดเขตเลือกตั้งได้ในช่วงที่รอให้ พระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสส. มีผลบังคับใช้ 90 วันหลังประกาศใช้กฎหมาย ว่า ขอให้รอเพราะอยู่ในระหว่าง 90 วันที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ อีกทั้งรัฐบาลก็ได้ทูลเกล้าฯพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯลงมา ทางรัฐบาลจะมีการพิจารณาคลายล็อกในบางเรื่อง เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งตามห้วงเวลาที่เคยระบุไว้ จึงขออย่ากังวล
สำหรับการประชุม คสช. เมื่อช่วงสายของวันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นการหารือในหลายๆเรื่องโดยเฉพาะเรื่องความมั่นคงและความปลอดภัย เพื่อให้ทุกส่วนทำงานภายใต้กรอบของ คสช. และการพิจารณาการทำงานของเจ้าหน้าที่ก่อนการเลือกตั้ง รวมถึงเรื่องติดตามผลการแต่งตั้งโยกย้าย ว่าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีหรือไม่ พร้อมยืนยันไม่มีการแต่งตั้งเพื่อสืบทอดอำนาจจึงขออย่าคิดในเรื่องดังกล่าวเพราะคนที่เลือกตั้งคือประชาชนไม่ใช่ คสช. จึงไม่สามารถไปบังคับใครได้ พร้อมยืนยันว่า การหารือวันนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับกกต. ที่ต้องการให้คสช. ใช้มาตรา 44 เพื่อจัดทำไพรมารี่โหวต จึงขออย่าถามอีก รวมถึงการยกเลิกหรือแก้ไข พรป.กกต. เพราะยังไม่ถึงขั้นนั้น เนื่องจากการประชุมในวันนี้เป็นวาระทั่วไปและเพื่อรับประทานอาหารร่วมกัน รวมถึงสอบถามปัญหาข้อร้องเรียนของประชาชน และหนี้นอกระบบ
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง กรณีรายชื่อผู้เข้าศึกษาใน วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หรือ วปอ. ประจำปี 2561 ที่ก่อนหน้านี้เคยบอกไม่ให้นักการเมืองเข้ามาเรียนเพราะไม่ต้องการให้เข้ามาสร้างคอนเนคชั่น แต่กลับมีชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกุล ประธานกรรมการ บ.เอส ที พี แอนด์ ไอ จำกัด หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นผู้ที่ผ่านคุณสมบัติได้เข้าอบรมหลักสูตร วปอ. 2561 ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยขึ้นตรงกับกระทรวงกลาโหม ซึ่งสิ่งที่ตัวเองเคยบอกไม่ได้หมายความว่าให้เรียนได้หรือไม่ให้เรียน แต่อยากให้น้อยลง และเป็นการพิจารณารายชื่อมาจากรัฐสภา ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง