กรณีที่มีการร้องเรียนต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าปัญหาการจราจรติดขัดเกิดการปิดจราจรเพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางของคณะรัฐมนตรีและบุคคลสำคัญ พันตำรวจเอก กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยอมรับว่า ปัญหาการจราจรส่วนหนึ่งเกิดจากการเปิดไซเรนขอทางและปิดจราจร ซึ่งหลังจากนี้จะพยายามจัดการเดินทางโดยไม่ส่งผลกระทบกับการจราจร และเลี่ยงการปิดจราจรพร้อมเน้นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับก่อสร้างทางรถไฟ อุโมงค์ทางแยก ซึ่งเป็นลักษณะทางกายภาพที่จะต้องสร้างการรับรู้ และประชาสัมพันธ์เพื่อให้มีการวางแผนการเดินทาง ควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
สำหรับกรณีปรากฎคลิปชายฉกรรจ์อ้างตัวเป็นตำรวจสันติบาลค้นรถ ตรวจบัตรประชาชน ของชาวบ้านที่ตลาด 304 จังหวัดปราจีนบุรี โดยอ้างว่าขอตรวจสอบผู้ต้องสงสัยปล่อยเงินกู้นอกระบบตามนโยบายของรัฐบาลจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์ว่าไม่เหมาะสม พันตำรวจเอกกฤษณะ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบยืนยันว่าเป็นข้าราชการตำรวจจริงทั้ง 2 นาย ซึ่งขณะนี้ต้นสังกัดทั้ง 2 นาย คือ ตำรวจสันติบาล และตำรวจอารักขาและควบคุมฝูงชน (อฝค.) มีคำสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ไปปฎิบัติหน้าที่ตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบพลเรือน 1 ราย ว่าเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างไร โดยให้รายงานผลให้ทราบภายใน 7 วัน โดยระหว่างการตั้งกรรมการสอบสวนได้มีคำสั่งให้ตำรวจทั้ง 2 นาย ไปช่วยราชการที่ ศปก.ส่วนหน้าของหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน และต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่หากผลการตรวจสอบพบว่าเข้าข่ายกระทำความผิดจริง ส่อเจตนาในทางเรียกรับผลประโยชน์ จะต้องมีการดำเนินการทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด ขอประชาชนมั่นใจได้ว่าไม่มีการปกป้องข้าราชการตำรวจด้วยกันอย่างแน่นอน โดยที่ผ่านมาในเวลา 3-4 ปี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการลงโทษตำรวจที่กระทำผิดทั้งวินัยและอาญา มีโทษทั้งให้ออก ไล่ออก จากตำแหน่งหลายนาย
..
ผสข.ปภาดา พูลสุข