อดีตรองผบ.ตร.ไม่เห็นด้วยกับการปฎิรูปตำรวจ งานสอบสวนแก้ไม่ถูกจุด เสนอดูแลตร.ชั้นผู้น้อย

แนวทางการปฏิรูปตำรวจหลังจากคณะกรรมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ...ชุดนายมีชัย  ฤชุพันธุ์  เป็นประธาน ได้ออกร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.... ให้ประชาชนทำการประชาพิจารณ์ พลตำรวจเอกอชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และอดีตคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เปิดเผยว่า การแถลงข่าวครั้งนี้ เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของตัวเองคนเดียว ไม่ได้ต่อต้าน คัดค้าน เพียงแค่ไม่เห็นด้วยการปฏิรูปตำรวจ โดยการตั้งหน่วยงานใหม่ หรือแยกงานใดออกไปจากตำรวจ ควรทำวิจัยว่าคุ้มค่า มีประสิทธิภาพหรือไม่ ก่อนหน้านี้ ที่ไม่ออกมาแสดงความคิดเห็น เพราะต้องการรอดูการร่างกฎหมายให้เสร็จสิ้นก่อน และการปฏิรูปตำรวจครั้งนี้ มีเพียงตัวแทนตำรวจ 2 คนเท่านั้นที่ได้เเสดงความคิดเห็น คือ พลตำรวจโทอำนวย นิ่มมะโน อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และพลตำรวจเอกรุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับกรรมการจากหน่วยงานอื่นๆอีก 14 คน เป็น 14 คนที่ไม่เคยรู้กฎหมาย แต่ไปร่างกฎหมาย

การปฏิรูปชุดนายมีชัย ไม่ได้หยิบยก 2 เรื่องสำคัญ ที่เป็นสมองและหัวใจของการปฏิรูปตำรวจมาพูด นั่นคือ เรื่องงบประมาณที่ยังไม่เพียงพอ ตนเคยเสนอหลายครั้ง ลดจำนวนตำรวจไปครึ่งหนึ่ง เอางบเงินเดือนตัดจากกำลังพลที่เอาออกไปมาเพิ่มเงินเดือนให้ตำรวจ และมาเป็นงบลงทุน โดยงานด้านรักษาความปลอดภัยโอนให้หน่วยอื่น ให้เอกชน รัฐก็ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังตำรวจในภารกิจนี้ เอาตำรวจออกได้  และไม่ได้พูดถึงผลกระทบการดูแลตำรวจชั้นผู้น้อย ที่เป็นหัวใจของตำรวจใกล้ชิดประชาชนที่สุด ทั้งที่การปฏิรูปให้ได้ผลอย่างแท้จริงต้องปฏิรูปตำรวจชั้นผู้น้อย ขณะนี้ ตำรวจชั้นผู้น้อยแสนกว่าคน ยังลำบาก ต้องทำงานหนักเกินกว่าข้าราชการทุกกระทรวง แต่รายได้เท่ากันตามมาตรฐานระเบียบราชการ ในส่วนตัวต้องการให้ตำรวจชั้นผู้น้อย ได้เงยหน้าอ้าปาก ได้รับค่าตอบแทนตามภาระงาน ชั่วโมงการทำงาน สอดคล้องกับกฎหมายแรงงาน

ทุกวันนี้ตำรวจชั้นผู้น้อยได้ค่าตอบแทนพิเศษ นอกเหนือจากเงินเดือน เดือนละ 3,000 บาท เท่านั้น เฉลี่ยวันละ 100 บาท จากการสอบถามตำรวจชั้นผู้น้อย ส่วนใหญ่ ไม่ต้องการ 3,000 บาท แต่ขอค่าตอบแทนเท่าชั่วโมงที่ทำงาน ค่าล่วงเวลา มีงานวิจัยพบว่าตำรวจชั้นผู้น้อยทำงานวันละ 12 ชั่วโมง ทั้งที่ ตามกฎหมายแรงงานให้ทำงานวันละ 8 ชั่วโมง ดังนั้น 4 ชั่วโมงที่เกินมา ตำรวจต้องได้ค่าล่วงเวลา วันหยุด วันนักขัตฤกษ์ของตำรวจไม่มี มีคำสั่งห้ามลา ห้ามขาด ห้ามป่วย และวันหยุดเหล่านี้ไม่มีค่าล่วงเวลา หากคิดตามนี้ตำรวจชั้นผู้น้อยจะได้เงินเพิ่มตามปริมาณงานและเวลาทำงาน เพิ่มถึงเดือนละประมาณ 12,000 บาท หากทำแบบนี้คุณภาพชีวิตตำรวจชั้นประทวนจะดีขึ้น เราเพิ่มเงินเดือนไม่ได้ เพราะเป็นมาตรฐานข้าราชการ แต่ขอเงินเพิ่มตามการทำงานที่แท้จริง ซึ่งยังไม่นับรวมค่าเสี่ยงภัยต่างๆ

ส่วนกรณีที่ร่างพ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับนายมีชัย กำหนดให้ตำรวจที่เป็นแพทย์ พยาบาล นักวิทยาศาสตร์ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ครู อาจารย์ เป็นตำรวจไม่มียศนั้น  จากการสอบถาม หากไม่มียศก็ไม่มีใครอยากมาเป็นหมอตำรวจ ไม่อย่างนั้นก็ไปอยู่โรงพยาบาลอื่นกันหมด โดยร่างพ.ร.บ.ใหม่ ตั้งคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ เรียก ก.ตร.  ที่ผสมระหว่างคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ที่กำหนดนโยบาย ตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกับคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ที่มีอำนาจแต่งตั้งก.ตร.แบบใหม่ องค์ประกอบกรรมการ มีอัยการสูงสุด เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ปลัดกระทรวงยุติธรรม ปลัดกระทรวงมหาดไทย ตัดเลขาธิการ ก.พ. ออกไป มีกรรมการจากการเลือกตั้งจากตำรวจ 5 คน  และอีก 3 คนจากคนนอก แต่ไม่เห็นด้วยกับการตั้งคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) และ คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) เพราะตำรวจ มีคนตรวจสอบมากอยู่แล้ว ไม่ต้องตั้งกรรมการตรวจสอบตำรวจอีก ทุกวันนี้ตำรวจ กลัวการตรวจสอบอย่างเข้มข้นของประชาชนอยู่แล้ว วันนี้ โซเชียลเน็ตเวิร์กของประชาชนแข็งแกร่งมาก แชร์ไวที่สุด และตำรวจก็ดูแลพฤติกรรมตำรวจด้วยกันเอง 

สำหรับการโอนงานจราจรให้องค์กรท้องถิ่น พลตำรวจเอกอชิรวิทย์ ไม่เห็นด้วยเพราะท้องถิ่นไม่มีศักยภาพด้านงบประมาณ และงานสอบสวนยังแก้ไม่ถูกจุด งานสืบงานสอบต้องไปด้วยกันกับงานสอบสวน การสั่งการต้องหนึ่งเดียว เป็นสองทางไม่ได้ งานสอบสวนเป็นงานที่สำคัญที่สุด ในส่วนตัวเสนอให้มีการกำหนดคุณสมบัติให้ครบถ้วนในตำแหน่งต่างๆ จะดีกว่า ทุกวันนี้ที่หนีงานสอบสวนเพราะคดีไม่รู้ตัวผู้กระทำความผิด ต้องทำสำนวน คือภาระที่พนักงานสอบสวน ต้องแบก งานเยอะ นี่คือหนึ่งในสาเหตุที่ตำรวจโดยเฉพาะสายงานสอบสวน หนีปัญหา ฆ่าตัวตาย ทำสำนวนไม่รู้ตัวผู้ต้องหา ต่างประเทศเขาไม่ทำกันเพราะปล่อยไว้ เป็นดินพอกหางหมู

ผู้สื่อข่าว:ปภาดา พูลสุข