นายกฯ เน้นพัฒนาการค้า ร่วมมือกับต่างประเทศ ปฎิรูปกฎหมาย สร้างความเข้าใจยุทธศาสตร์ชาติ

10 สิงหาคม 2561, 14:33น.


การประชุมร่วมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ประจำประเทศเพื่อนบ้าน และผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดน ในหัวข้อความร่วมมือเพื่อพัฒนาชายแดนที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม โดยมีเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ประจำประเทศเพื่อนบ้าน 5 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และมาเลเซีย ผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนทั้ง 32 จังหวัด พร้อมด้วยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมด้วย



นายกรัฐมนตรี ได้รับฟังข้อเสนอของเอกอัครราชทูตและผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดน ในการบูรณาการการทำงานระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับกระทรวงมหาดไทย ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายไทยนิยม ยั่งยืน ด้วยการส่งเสริมการพัฒนาให้จังหวัดชายแดนมีความมั่งคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ก่อนที่จะมอบนโยบายการพัฒนาจังหวัดชายแดนในมิติด้านการต่างประเทศ ว่า ประเทศไทยมีเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่อยู่ทั่วโลกกว่า 90 แห่ง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรู้เขารู้เรา เพราะสงครามที่เกิดขึ้นในขณะนี้ไม่ใช่สงครามทางการทหาร แต่เป็นสงครามทางการค้าที่ไม่เคยเกิดขึ้นในโลกนี้มาก่อน จึงขอให้ทุกคนทำเพื่อประโยชน์ของประเทศ และประชาชน ต้องรู้การบริหารประเทศของแต่ละประเทศและขออย่านำมาเกี่ยวพันกัน แต่อยากให้อธิบายถึงเรื่องความสัมพันธ์ และเรื่องการค้าการลงทุนระหว่างกัน เพื่อให้เกิดการพัฒนาและเติบโตไปด้วยกัน ทั้งทวิภาคี พหุภาคี รวมถึงไตรภาคี สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจและหารือกับต่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลกำลังใช้หลักการนี้ มาบริหารราชการในวิธีการปกติที่จะนำมาซึ่งการปฏิรูปประเทศ ขณะที่ ทุกหน่วยงานทราบดีว่าการปฏิรูปติดขัดเรื่องกฎหมายของแต่ละหน่วยงาน เพราะฉะนั้นควรเสนอกฎหมายให้รัฐบาลรีบแก้ไข เพราะหากจะทำสิ่งใหม่ๆเมื่อกลับไปดูกฎหมายบางครั้งไม่สามารถทำได้ จึงขอให้ทุกหน่วยงานติดตามเรื่องนี้ และอยากให้มีการติดตามแนวคิดของแต่ละประเทศและศึกษาให้ดี ทั้งเรื่องประชาธิปไตยแบบประเทศตะวันตก และประชาธิปไตยแบบสังคมนิยม



นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยากให้ช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยเป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่อาเซียน โดยทางพฤตินัยไม่ใช่แค่การกล่าวอ้างว่าเป็นผู้นำ ซึ่งนโยบายของรัฐบาลคือ Stronger Together และในการประชุมครั้งหน้าที่ไทยจะเป็นประธานจัดการประชุมอาเซียนในปี 2562 ก็ยังไม่ทราบว่าใครจะได้นั่งตำแหน่งประธานอาเซียน จึงขออย่าให้เกิดปัญหาเหมือนการประชุมอาเซียนครั้งก่อนที่จัดขึ้นที่จังหวัดชลบุรี และทำให้การประชุมต้องยกเลิกไป นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยากให้ทุกคนทำความเข้าใจให้ดีในเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไทยนิยมยั่งยืน และประชารัฐ ว่าหมายความว่าอย่างไร เพราะไม่ใช่เรื่องประชานิยมหรือนโยบายสืบทอดอำนาจ



ผู้สื่อข่าว:เกตุกนก ครองคุ้ม



 



 

ข่าวทั้งหมด

X