สรุปข่าว19.30 น.
+++พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม สั่งการให้ทุกเหล่าทัพ จัดกำลังลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในทุกพื้นที่ และแม้ว่าสถานการณ์น้ำจะใกล้เคียงกับปี 2554 แต่รัฐบาลยังสามารถบริหารจัดการได้ ซึ่งจังหวัดที่น่าห่วง 9 จังหวัดริมแม่น้ำโขง ก่อนหน้านี้ ที่น้ำท่วมสูงปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้น ขณะที่การแจ้งเตือนประชาชนถือว่ามีความเหมาะสม ไม่ได้ล่าช้าเกินไป เพราะได้แจ้งล่วงหน้าให้เตรียมตัวทันก่อนที่น้ำจะท่วม
+++กรมทางหลวงชนบท เตรียมติดตั้งสะพานแบรี่บนถนนในเขื่อนแก่งกระจาน ตรงจุดที่ติดตั้งท่อกาลักน้ำ วันที่ 10 ส.ค.นี้ เนื่องจาก กรมชลประทาน จะเพิ่มจำนวนแถวท่อกาลักน้ำจากเดิมอีก 10 แถว ซึ่งจะส่งผลให้มวลน้ำไหลบ่าข้ามถนน หากไม่วางสะพานชั่วคราว รถยนต์ต่างๆจะไม่สามารถสัญจรไปมาได้
+++ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กับพวก รวม 4 คน ร่วมกันทุจริตเงินงบประมาณโครงการอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด ปี 2556 จากกรณีอนุมัติเงินสนับสนุน วัดไทยเดนมาร์กพรหมวิหาร เป็นการโอนเงินผ่านบัญชีของวัดพระพุทธบาทตากผ้า รวมทั้งสิ้นกว่า 5 ล้านบาท
+++ส่วน นายพนม ศรศิลป์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายเฉลิมพล มีศิลารัตน์ ผอ.กองพุทธศาสนสถาน และ นายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ ผอ.ส่วนบูรณะพัฒนาวัดและ ศาสนสงเคราะห์ มีความผิดอาญา และวินัยร้ายแรง รวมถึง เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของนายนพรัตน์ ขณะที่ พระสุทธิพงศ์ไม่มีสถานะเป็นเจ้าพนังงานตามกฎหมาย จึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
+++นอกจากนั้น ป.ป.ช. ยังชี้มูลความผิดนายพนม ศรศิลป์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผอ.พระพุทธศาสนาแห่งชาติ รวมกันทุจริตเบิกจ่ายเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัด ประจำปี 2558 วงเงิน 24 ล้านบาท ในจังหวัดลำปาง 5 วัด และจังหวัดแพร่ 1 วัด จากกรณี พระศิวโรจน์เจ้าอาวาสวัดบ้านอ้อ จ.ลำปาง ได้ติดต่อ นางณัฐฐาวดี ตันตยาวิสาสุทธิ นักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองพุทธศาสนสถาน เพื่อของบอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดประจำปี 2558
+++ส่วน นางณัฐฐาวดี มีความผิดทางอาญาและวินัยร้ายแรง รวมถึง มีความผิดฐานสนับสนุนนายพนม ขณะที่ นายศิวโรจน์ ปิยรัตน์เสรี หรือ พระศิวโรจน์ และ น.ส.อุบล มีมูลความผิดทางอาญา โดย ป.ป.ช.มีความเห็นส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาโทษทางวินัย และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินคดีอาญาต่อไป สำหรับ คดีทุจริตเงินทอนวัด ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช.มีทั้งหมด 81 เรื่อง พิจารณาเสร็จแล้ว 19 เรื่อง อยู่ระหว่างการไต่สวน 17 เรื่อง อีก 44 เรื่องอยู่ระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริง
+++นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เตรียมเสนอแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พ.ศ. 2560 เกี่ยวกับวิธีการเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้ง ว่า ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อโรดแมปเลือกตั้งด้วย ส่วนตัวยังไม่ทราบแนวทางการเสนอแก้ไขของ สนช. ครั้งนี้ การคัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้ง ควรทำงานควบคู่กัน โดยที่ กกต.ชุดใหม่จะพิจารณาบุคคลที่ กกต.ชุดปัจจุบัน เลือกมา เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หากไม่มีปัญหาข้อกฎหมาย ยกเว้น กกต.จะทักท้วง แต่เชื่อว่าในที่สุดก็จะมีทางออกในเรื่องนี้ได้
+++หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พันเอกหญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะรัฐมนตรีมีกำหนดการเดินทางไปตรวจราชการกลุ่มจังหวัดภาคใต้และกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน โดยจะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ นอกสถานที่ ครั้งที่ 6/2561 ซึ่งมีกำหนดการระหว่างวันที่ 21 – 22 สิงหาคม 2561 นี้ นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดระนองและจังหวัดชุมพร
+++ครม. มีมติเห็นชอบตามที่ ก.คลัง เสนอให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นบุคคลที่ไม่ต้องจ่ายค่าบริการตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ หวังยกระดับคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อย
+++การประชุมของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันหรือ กกร. นายปรีดี ดาวฉาย ประธาน กกร. เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยยังรักษาแรงส่งของการเติบโตที่ดีได้ต่อเนื่อง จากแรงหนุนของการส่งออกและการท่องเที่ยว อีกทั้งมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัว และรายได้เกษตรกรที่กลับมาเป็นบวกติดต่อกันซึ่งจะช่วยประคองกำลังซื้อ จึงประเมินว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2561 จะขยายตัวร้อยละ 4.3-4.8 การส่งออกจะเติบโตร้อยละ 7.0-10.0 และอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ร้อยละ 0.9-1.5 ซึ่งเป็นกรอบประมาณการเมื่อเดือนกรกฎาคมของ กกร.
+++แต่ต้องติดตามประเด็นเศรษฐกิจต่างประเทศโดยเฉพาะ การตอบโต้ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งในปีหน้าจะมีผลกระทบเพิ่มขึ้นหากสหรัฐฯเก็บภาษีจากจีนมากขึ้น โดยจะส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินในภูมิภาค ส่วนสถานการณ์อุทกภัยในประเทศ ซึ่งน้ำในเขื่อนทั่วประเทศอยู่ในระดับที่สูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2554 แต่ในเบื้องต้นประเมินว่าจะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบที่รุนแรง
+++เหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์ภายในธนาคารกรุงไทย สาขาแม็กซ์แวลู นวมินทร์ กทม. กวาดเงินสดไปประมาณ 184,000 บาท ก่อนจะวิ่งหลบหนีออกจากธนาคารไปเขตพื้นที่ สน.โคกคราม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 ส.ค. ล่าสุด ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.โคกคราม และตำรวจ กก.สส.บก.น.2 ร่วมกันจับกุมตัวนายปรีติ สุวรรณชัยรบ อายุ 30 ปี ได้ที่ จ.หนองคาย ขณะนี้ตำรวจชุดสืบสวน อยู่ระหว่างการควบคุมตัวมาสอบปากคำอย่างละเอียดที่ สน.โคกคราม ก่อนจะมีการแถลงข่าวรายละเอียดต่อไป
+++การติดตาม นายอัศยา ชัยภา หรือโก้ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฆาตกรรม นางสาวธิติมา ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ หรือ เชอรี่ นักธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์สาว เสียชีวิตในโรงแรมย่านลาดพร้าว พลตำรวจโทชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานงานกับทางการประเทศกัมพูชา ให้ช่วยติดตามตัวกลับมา ดำเนินคดีในประเทศไทย โดยมีการตั้งรางวัลนำจับไว้ 1 หมื่น ดอลลาร์ สหรัฐ ซึ่งคงต้องใช้เวลาจึงสามารถนำตัวผู้ต้องหากลับมาได้ ส่วนน้องชายของผู้ต้องหาคาดว่าน่าจะอยู่กับนายอัศยา ที่ประเทศกัมพูชา ยืนยันว่าตำรวจกำลังติดตามตัวผู้ต้องหาอย่างเต็มที่ แต่ติดขัดที่ผู้ต้องหาหลบหนีออกนอกประเทศ จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน
+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 1,707.26 จุด เพิ่มขึ้น 11.02 จุด มูลค่าการซื้อขาย 49,610.03 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้น จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น หลังจากที่สหรัฐฯคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่ และซาอุดิอาระเบียก็ลดกำลังการผลิตลง ทำให้ไปช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงานให้ปรับตัวขึ้น รวมทั้งดัชนีฯสามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ระดับ 1,706 จุดได้
+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดพุ่งขึ้นในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากปัจจัยบวกจากการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นจีน ดัชนีนิกเกอิปิดพุ่งขึ้น 155.42 จุด ที่ 22,662.74 จุด
+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ หลังจากที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ฯยักษ์ใหญ่อย่างคันทรี่ การ์เด้น เผยว่าผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรกน่าจะออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 429.32 จุด ที่ 28,248.88 จุด
+++โรงงานแปรรูปอาหารทะเล ในนครโอซาก้า ของญี่ปุ่นได้ออกกฎใหม่ของบริษัทซึ่งเชื่อว่าเป็นหนึ่งในฝันของใครหลายคนเนื่องจากบริษัทแห่งนี้ออกนโยบายเรื่องวันหยุดของพนักงานโดยให้พนักงานของบริษัทกำหนด "วันหยุด" ของตนเองได้ตามใจชอบ แถมสามารถหยุดงานได้หากรู้สึกว่าไม่อยากมาทำงานในวันนั้น เนื่องด้วยผลกระทบด้านเศรษฐกิจ แต่บริษัทก็ไม่คิดจะปลดพนักงานออก จึงให้สิทธิขาดในการจัดสรรวันลาหยุดพักผ่อนได้ โดยพนักงานเพียงแค่บันทึกชั่วโมงการทำงานลงในกระดานไวท์บอร์ดเพื่อแจ้งให้ผู้จัดการทราบเท่านั้น หลังจากที่มีนโยบายนี้ออกมาหลายฝ่ายต่างกังวลว่าจะส่งผลต่อกำลังการผลิตของโรงงานเนื่องจากพนักงานจะลาหยุดกันหมด แต่ทว่าผลลัพธ์ที่ได้กลับตรงกันข้ามเนื่องจากกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น พนักงานทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้ว ยังลดค่าใช้จ่ายพื้นฐานของบริษัทเช่นค่าไฟฟ้า ไปได้ถึง 1 ใน 3