เริ่มแล้ว! แรลลี่ราชบุรีสุขสันต์ ส่งเสริมเส้นทางท่องเที่ยวกาญจนบุรี-ราชบุรี

04 สิงหาคม 2561, 10:07น.


การจัดการแข่งขันเเรลลี่รถยนต์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว "ราชบุรีสุขสันต์" เส้นทางจ.กาญจนบุรี-ราชบุรี โดยมีนายพงษ์สรรค์ ตั้งมั่น ผู้ช่วยท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดราชบุรี มาเป็นประธาน กล่าวเปิดงานพร้อมตีธงในพิธีเปิดการแข่งขัน การปล่อยขบวนรถแรลลี่เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 08.20น. ที่ตลาดวัฒนธรรมลาวเวียง วัดตะคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี นายพงษ์สรรค์ กล่าวเปิดงานว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในมุมใหม่ๆ และสร้างการรับรู้ให้นักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดได้รู้ว่าจ.ราชบุรี และจ.กาญจนบุรี มีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามหลายแหล่ง จึงได้มีการจัดแรลลี่รถยนต์ "ราชบุรีสุขสันต์"  





สำหรับเส้นทางแรลลี่จะออกจากวัดตะคร้ำเอน ไปจุดแวะพักแรกที่โครงการศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม ต่อด้วยจุดที่สองที่อุทยานหินเขางู จากนั้นจะแวะพักเที่ยงที่ร้านข้าวแกงเจ้เฮียง ก่อนเดินทางต่อในช่วงบ่ายไปจุดแวะพักที่สามที่ตลาดอมยิ้ม และเข้าเส้นชัยที่กาดวิถีชุมชนคูบัว ก่อนจะมีพิธีปิด สรุปผลการแข่งขัน มอบรางวัลให้ทีมที่ชนะ และทานอาหารเย็นร่วมกัน





ทั้งนี้ การวัดคะแนนผู้ชนะ จะนับจากกิจกรรมที่มีให้ทำระหว่างแรลลี่เป็นหลัก โดยตลอดเส้นทางที่มุ่งไปยังจุดแวะพักทุกที่จะมีกิจกรรมต่างๆให้ทำตลอดทาง เช่น การตอบคำถามระหว่างทาง, การเรียงลำดับภาพ,และป้ายต่างๆ รวมทั้งการถ่ายรูปเพื่อโพสต์ลงเฟชบุ๊ค เป็นต้น





ส่วนตลาดวัฒนธรรมลาวเวียงที่เป็นจุดปล่อยตัวจุดแรก เป็นตลาดนัดภายในวัดที่จะมีการขายสินค้าประจำท้องถิ่นในช่วงวันหยุดเสาร์ และอาทิตย์ ตั้งแต่ช่วงเช้าไปจนถึงบ่าย นอกจากจะช่วยสร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่แล้ว ยังเป็นการเผยแพร่สินค้าท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวด้วย



วัดตะคร้ำเอน ถือเป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์วัดหนึ่ง ประชาชนในพื้นที่ให้ความเคารพเป็นอย่างมาก จุดเด่นของวัดนอกจากจะมีวิหารที่สวยงามแล้ว ยังมีอีกสิ่งที่สำคัญคือ พระพุทธรูปหลวงพ่อดำที่ประชาชนในพื้นที่ให้ความเคารพนับถือ และเป็นที่ที่นักท่องเที่ยวจะต้องมาไหว้สักการะด้วย





ตามประวัติข้อมูลวัดตะคร้ำเอน สร้างขึ้นในปีพ.ศ.2498 โดยคหบดีทองหล่อ เช็งสุธา ก่อนที่ปีพ.ศ.2500 หลวงพ่อเจ้าอาวาส พระครูประกาศสุนทรกิจ (หลวงพ่อสนธิ์) ได้ไปรับพระพุทธรูป และอัญเชิญมาประดิษฐานเป็นพระประธานในอุโบสถ จากนั้นได้ร่วมกันปิดทอง ต่อมาอีกประมาณ 4 ปี หลวงพ่อเจ้าอาวาส นิมิตว่าพระประธานต้องการอยู่หน้าอุโบสถ จึงอัญเชิญออกมาประดิษฐาน ก่อนที่ทองที่ปิดไว้จะหลุดลอก แต่หลวงพ่อเจ้าอาวาสก็มีนิมิตว่าหลวงพ่อพระประธานประสงค์ให้คงสีดำไว้ จึงไม่ได้ปิดทองทับ ทำให้เป็นที่มาของชื่อ "หลวงพ่อดำ" จนถึงปัจจุบัน โดยในวันนี้ก็มีนักท่องเที่ยวมากราบไหว้สักการะหลวงพ่อดำเป็นระยะด้วย



ผู้สื่อข่าว:ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร



 

ข่าวทั้งหมด

X