ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 3 สิงหาคม 2561

03 สิงหาคม 2561, 08:11น.


+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เปิดงาน Thailand Social Expo 2018 ฮอลล์ 5 - 7 อิมแพค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี เมื่อวานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ปาฐกถาพิเศษในพิธีเปิดงาน Thailand Industry Expo 2018 ว่า ไทยเดินมาถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญในการพัฒนาประเทศให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้า ภายใต้ประเทศไทย 4.0 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงสำคัญ เปลี่ยนเพื่อปรับยกระดับอุตสาหกรรมไทย  พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี)ไทย จะพัฒนาไปสู่ Smart Enterprise และจะเป็นแรงผลักดันสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้เติบโตแบบก้าวกระโดด รวมทั้งกระจายรายได้ตามหัวเมืองต่างๆ และลดความเหลื่อมล้ำ โดยแผนปฏิรูปประเทศ 20 ปี จะมียุทธศาสตร์การพัฒนาไปสู่ประเทศไทย 4.0 เป็นหลักสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจไทย



+++กระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมเพิ่มมาตรการช่วยธุรกิจเอสเอ็มอี นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึง มาตรการที่จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เดือน ก.ย.นี้ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.วงเงินสินเชื่อ เบื้องต้นจะช่วยให้เอสเอ็มอี รายเล็กเข้าถึงสินเชื่อไม่ต่ำกว่า 20,000-30,000 ราย วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2.คูปองแทนเงินสดใช้ฝึกอบรมในโครงการของรัฐ เช่น การฝึกอบรมออกแบบ ผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ การตรวจสอบมาตรฐานสินค้า โดยเน้นให้เอสเอ็มอีรายเล็ก ระดับจังหวัดเข้าถึงอุตสาหกรรม 4.0



+++วันนี้ จะหารือเรื่องการเตรียมตั้งศูนย์บ่มเพาะสตาร์ทอัพ ในการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ.) ก่อนเสนอคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(กพอ.) ที่นายกฯ เป็นประธานในวันที่ 10 ส.ค.นี้



+++การฟื้นตลาดนักท่องเที่ยวจีน หลังเกิดเหตุเรือนักท่องเที่ยวจีนล่ม ที่จ.ภูเก็ต ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายท่องเที่ยวแห่งชาติ (ท.ท.ช.) เร่งหามาตรการแก้ปัญหาความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบทำให้ตลาดชะลอตัว สรุปว่า ประเทศไทยควรจะมีมาตรการบริการดูแลที่ดีเป็นพิเศษให้กับนักท่องเที่ยวตลาดใหญ่ที่เดินทางมาไทยจำนวนมาก โดยเริ่มต้นที่ตลาดจีน เนื่องจากมีฐานนักท่องเที่ยวกว่า 10 ล้านคนอันดับ1 ในไทย มอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ไปศึกษาการจัดตั้งโครงสร้างหน่วยงานที่จะทำให้เกิดการดูแลทั้งระบบ ตั้งแต่การใช้เทคโนโลยี สื่อเป็นภาษาจีนบอกข้อมูลจำเป็นให้นักท่องเที่ยวทราบ การเตือนภัย หาช่องทางให้นักท่องเที่ยวร้องเรียนโดยตรงเวลาที่เกิดปัญหา เพื่อทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกปลอดภัย ภายใน 10 วันนี้จะต้องเห็นแผนที่เป็นรูปธรรม เพื่อนำไปเสนอที่ประชุมระดับผู้นำรัฐบาลจีนและไทย ก่อนที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน (JC เศรษฐกิจไทย-จีน) ระหว่างวันที่ 23-25 ส.ค. คาดว่า ตลาดจะฟื้นตัวในเดือน ต.ค. (วันชาติจีน) เข้ามาเสริมสถานการณ์ช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ ททท.มีกำหนด เดินทางไปพบกับผู้นำระดับสูงด้านท่องเที่ยวของจีนราวกลางเดือนส.ค.



+++สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 68.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 1.06 ดอลลาร์ ปิดที่ 73.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

+++ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดแบบผสมผสาน ดาวโจนส์ ลดลง 7.66 จุด ปิดที่ 25,326.16 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 13.86 จุด ปิดที่ 2,827.22 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 95.40 จุด ปิดที่ 7,802.69 จุด แนสแดค ขยับขึ้นได้แรงหนุนจากเทสลาและแอปเปิล โดยเฉพาะแอปเปิล ที่ทำสถิติเป็นบริษัทจดทะเบียนแห่งแรกของสหรัฐฯและของโลกที่มีมูลค่าตลาดแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

+++ดาวโจนส์ ปิดลบ นักลงทุนมองไปที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่ปะทุขึ้นมาอีกรอบ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ร้องขอผู้แทนการค้าสหรัฐฯ พิจารณาจัดเก็บภาษีเพิ่มในอัตราร้อยละ 25 ต่อสินค้านำเข้าจากจีน จากเดิมที่เสนอเรียกเก็บภาษีร้อยละ 10



+++ราคาทองคำ ปิดลบพอสมควร ทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 7.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,220.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์



+++การแก้ปัญหาโครงการก่อสร้างบ้านพักข้าราชการตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 5 พื้นที่ป่าเชิงดอยสุเทพ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่



นายธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ เปิดเผยว่า กำลังรอจังหวัดแจ้งเรื่องการประชุมคณะกรรมการรอบสุดท้าย คาดว่า ภายในต้นเดือน ส.ค.นี้น่าจะมีการประชุมเพื่อสรุปข้อมูลให้กับนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ก่อนจะถึงการประชุม เครือข่ายเตรียมเคลื่อนไหวในช่วงเย็นวันนี้ ด้วยการติดริบบิ้นสีเขียวรอบเมืองเชียงใหม่อีกครั้ง นอกจากนี้ วันที่ 7 ส.ค.เครือข่ายเตรียมประชุมและเปิดแถลงข่าว เรื่องแนวทางการเดินหน้าต่อสู้ในการขอพื้นที่ป่ารวมถึงการเตรียมความพร้อมชุมนุมใหญ่ปลายเดือนส.ค.



+++คดีอาชญากรรม กรณีนายอนันตชัย จริตรัมย์ หรือ ฟอส อายุ 21 ปี กับ น.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ หรือ สปาย อายุ 20 ปี ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณลานจอดรถ ฝั่งตรงข้ามสถานที่ไหว้พระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 29 ก.ค.และศาลจังหวัดชลบุรีออกหมายจับ 3 ผู้ต้องหา ได้แก่ 1.นายปัญญา ยิ่งดัง หรือ"เสี่ยอ้วน" อายุ 39 ปี 2.นายสายันต์ ศรีสุข อายุ 43 ปี (ถูกจับคนแรก) และ 3.นายจิรศักดิ์ อุนัยบัน อายุ 34 ปี   ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ไตร่ตรองไว้ก่อน ,มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร



+++พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า นายจิรศักดิ์ เป็นคนขับรถให้นายปัญญา ได้เข้ามอบตัวที่ สภ.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ประสานตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี มารับตัวไปสอบสวน หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ กดดันหนักจนกลัวถูกวิสามัญ สอบสวนเบื้องต้น นายจิรศักดิ์ เป็นลูกน้องมือขวาเสี่ยอ้วน ในวันเกิดเหตุได้ใช้รถเก๋งโตโยต้า ยารีส (ของกลาง) ที่เช่ามาจากเมืองพัทยา ทำหน้าที่คอยประกบตามรถผู้เสียชีวิต หลังก่อเหตุได้หลบหนีไปกบดานที่จ.ภูเก็ต ก่อนจะขอเข้ามอบตัวสู้คดี



+++ส่วนผู้ต้องหาอีกคน คือ นายเกียรติศักดิ์ สุรางแสงมีบุญ ยอมมอบตัว พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. ระบุว่า นายเกียรติศักดิ์ ได้รับสารภาพว่าเป็นคนขับรถพาทีมสังหารก่อเหตุและหลบหนี รายงานข่าวจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน แจ้งว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมให้การว่า ก่อนเกิดเหตุนายปัญญา ถือปืนลงจากรถ และตั้งใจจะอุ้มน.ส.ปวีณา แต่มาเจอภาพบาดตาบาดใจที่สนิทสนมกับนายอนันตชัย จนเกิดมีปากเสียงกับน.ส.ปวีณา จนบานปลายและกระหน่ำยิงผู้เสียชีวิตทั้งคู่ จากนั้นหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตรวจพบสัญญาณโทรศัพท์มือถือของนายปัญญา อยู่ฝั่งประเทศกัมพูชา



CR: แฟ้มภาพ รัฐบาลไทย



 



 

ข่าวทั้งหมด

X