การเตรียมความพร้อมจัดประกวดมิสยูนิเวิร์ส ประจำปี2018 หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดี คณะกรรมการผู้ถือลิขสิทธิ์เห็นศักยภาพของประเทศไทยให้เป็นผู้จัดงานประกวด ที่ผ่านมาประเทศไทยได้เคยจัดงานมาแล้ว 2 ครั้ง แม้จะอยู่ในช่วงสถานการณ์ไม่ปกติ แต่ในครั้งนี้ เชื่อว่าทางคณะกรรมการจัดงานคงเห็น ศักยภาพ และเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศไทย จึงเลือกใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่จัดงาน ซึ่ง ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงวัฒนธรรมเข้าไปหารือ ถึงแนวทางในการจัดงานประกวด รวมถึงเรื่องเงินสนับสนุนจากภาคเอกชน และยังมีการถ่ายทอดไปกว่า 170 ประเทศทั่วโลก ดังนั้นรายได้ก็จะเกิดกับประไทย ซึ่งหากดำเนินการจัดการประกวดได้และไม่มีปัญหา รัฐบาลก็พร้อมยินดีสนับสนุน เพื่อให้คนรู้จักประเทศไทย รวมถึงการสนับสนุนเรื่องการเก็บตัวผู้เข้าประกวด โดยอาจจะเน้นไปที่เมืองรอง ที่มีความสวยงามเพื่อสร้างการรับรู้ไปยังเวทีโลก รอขณะนี้ไทยก็มีชื่อเสียงในเรื่องการช่วยเหลือ 13 นักฟุตบอลทีมหมูป่า Academy และการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ประเทศลาว
ด้านนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในนามรัฐบาลไทย ขอขอบคุณกองประกวดที่เห็นเสน่ห์และวัฒนธรรมของไทย ในการตัดสินใจให้ประเทศไทยเป็นสถานที่จัดประกวด ถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะนำเสนอความเป็นไทยสู่ทั่วโลกให้เป็นที่น่าสนใจอีกครั้ง โดยจะมีการนำสาวงามมาเก็บตัวก่อนที่จะมีการจัดประกวดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม ที่เมืองทองธานี ซึ่งรัฐบาลไทยพร้อมจัดกิจกรรมสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้กับสาวงาม คาดว่าจะมีแฟนคลับของเหล่าสาวงามและนักข่าวเข้าร่วมงานจำนวนมาก
ด้านนายธนวัฒน์ วันสม ประธานกรรมการผู้บริหารบริษัท TW Investment Group กล่าวว่า การจัดประกวดมิสยูนิเวิร์ส ปีนี้ เป็นครั้งที่ 67 แล้ว โดยประเทศไทยเคยได้รับเกียรติจัดเวทีประกวดมาแล้ว2 ครั้ง ปีนี้เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 13 ปี ถือเป็นความภาคภูมิใจของชาวไทย ขณะนี้มีการเตรียมความพร้อมจัดงานพอสมควร โดยในเดือนตุลาคมจะมีการแถลงข่าวใหญ่อีกครั้งเพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่างๆ
สำหรับสถานที่เก็บตัวสาวงามได้มีการพูดคุยกับทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)แล้ว ซึ่งปีนี้เป็นปีแห่งวิถีท่องเที่ยวไทย นายกรัฐมนตรีอยากให้ส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองรอง จึงคิดว่าจะนำสาวงามไปเก็บตัวในเมืองรอง พร้อมกับมั่นใจในศักยภาพของทีมงานว่าจะประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี เนื่องจากเคยมีประสบการณ์และขณะนี้ก็มีเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วยด้วย ส่วนงบประมาณที่ใช้ในการจัดงานไม่ขอเปิดเผยถึงตัวเลข แต่คาดว่าจะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐบาลและภาคเอกชน เพราะเป็นงานใหญ่ระดับโลก
ด้านพอลล่า แมร์รี่ ชูการ์ต ประธานองค์กรมิสยูนิเวิร์สบริษัทWME/ IMG ได้ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยให้เวทีนี้เกิดขึ้น ส่วนตัวแล้วก็ชื่นชอบในการทำงานของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาอยู่แล้ว ปีนี้จะเป็นการเผยแพร่ความงดงามความเป็นไทยสู่สายตาประชาคมโลก
ขณะที่นางอาภัสรา หงสกุล มิสยูนิเวิร์สปี 1965 กล่าวว่า การประกวดมิสยูนิเวิร์สในสมัยนั้นคล้ายกับปัจจุบัน แต่ก็มีสมัยนิยมที่เปลี่ยนไปตามความเจริญรุ่งเรือง และหลังจากได้รับตำแหน่งเมื่อปี1965ชีวิตก็เปลี่ยน เพราะเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกและยังได้ทำประโยชน์ให้สังคม ซึ่งตอนนี้ยังคงทำงานเพื่อสังคมอยู่ เช่น สร้างอาคารให้เด็กผู้ยากไร้ เผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทยในต่างประเทศ
ด้านนางสาวเดมี-ลีห์ เนล-ปีเตอร์ส มิสยูนิเวิร์ส ปี 2017 จากประเทศแอฟริกาใต้ผู้ครองตำแหน่งความล่าสุด กล่าวว่าหลังจากที่ได้รับตำแหน่ง ที่ผ่านมาก็ได้ร่วมงานกับหลายองค์กรหลายประเทศ เชื่อว่าการจัดประกวดที่ประเทศไทยจะสร้างความแตกต่างมากมายให้ชาวโลกได้เห็นกัน
นางนาตาลี เกลโบวา มิสยูนิเวิร์สปี2005 ก็รู้สึกชื่นชอบทุกอย่างที่เป็นประเทศไทย ทั้งอาหาร คน และอากาศ รวมถึงส่วนตัวชอบท่องเที่ยวทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนก็รู้สึกว่าประเทศไทยคือบ้านของตนเอง