การลงพื้นที่ จ.นราธิวาส นอกจากติดตามการค้าตามแนวชายแดนแล้ว การศึกษาศาสนาในพื้นที่ เป็นสิ่งสำคัญ ที่สถาบันปอเนาะสถาบันสอนศาสนา ในอำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ถือเป็นโรงเรียนที่ชาวมุสลิมส่งเสริมให้เด็กเข้าเรียนหลังจบการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่6 ซึ่ง สถาบันสอนศาสนา ในอำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เป็นอีก1แห่งที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ชาวมุสลิม นิยมส่งลูกหลานมาเรียนศาสนา
ผู้ช่วยโต๊ะครู(ผู้ช่วยอาจารย์) ของสถาบันปอเนาะ เปิดเผยว่า ที่นี่มีเด็กในความดูแล 130คน แบ่งเป็นเด็กผู้ชาย90คน และเด็กผู้หญิง 40คน สิ่งต้องห้ามในการอยู่ที่สถาบันปอเนาะ คือ ห้ามยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ แต่จะมีโทรศัพท์กลางให้ใช้ในยามจำเป็น และนักเรียนจะสามารถกลับบ้านได้1ครั้งต่อ2สัปดาห์ ส่วนค่าใช้จ่ายในปอเนาะ นักเรียนจะเสียเฉพาะค่าน้ำค่าไฟ
สำหรับกิจวัตรประจำวันของนักเรียนปอเนาะ ส่วนใหญ่จะเน้นการอ่านคัมภีร์อัลกุรอาน และเรียนหลักการปฏิบัติตามศาสนา รวมถึงมีการเรียนภาคบังคับของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งจะมีอาจารย์จากอำเภอมาสอนการศึกษานอกโรงเรียน(กศน.)สัปดาห์ละ1วัน
การเรียนศาสนาที่สถาบันปอเนาะ จะเน้นสอนให้นักเรียนช่วยเหลือชาวบ้านในเรื่องศาสนา เช่น เป็นผู้บรรยายศาสนาให้ชาวบ้านฟัง รวมถึงเป็นแบบอย่างทางศาสนา ส่วนช่วงปิดเทอม ที่นักเรียนต้องกลับไปอยู่บ้าน โต๊ะครู จะมอบแนวทางปฏิบัติตนเพื่อให้นักเรียนไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งยั่วยุต่างๆ
ส่วนกรณีที่มีหลายฝ่ายมีความเข้าใจว่า สถาบันปอเนาะเป็นส่วยหนึ่งในการก่อความไม่สงบ ผู้ช่วยโต๊ะครู กล่าวว่า ด้วยส่วนตัว คิดว่าคนที่มีความเข้าใจแบบนั่นเกิดจากการไม่เข้าใจการสอนของสถาบันปอเนาะอย่างแท้จริง จึงอยากให้ศึกษาให้เข้าใจเพราะจะได้รู้ว่า ไม่เป็นจริง
ด้านนักเรียนที่เรียนในสถาบันปอเนาะ เปิดเผยว่า ก่อนเข้ามาเรียนที่สถาบันปอเนาะมีทัศนคติที่ไม่ดีกับสถาบัน และสงสัยสิ่งที่สถาบันสอนให้กับนักเรียน แต่พอมาเรียนทำให้รู้ว่าสิ่งที่สถาบันสอน สอนตามหลักศาสนา ส่วนเรื่องความไม่สงบ โดยส่วนตัวนักเรียนมองว่าเป็นปัญหาความขัดแย้งส่วนบุคคล และขาดการศึกษา ทำให้ถูกชักจูงได้ง่าย ซึ่งทางออกที่ดีที่สุดคือการหันหน้ามาคุยกันตามที่หลายฝ่ายเข้าใจ
...ผสข.บุศรินทร์ วรสมิทธิ์