นายแดน โคทส์ ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ หรือ DNI เตือนภัยคุกคามด้านไซเบอร์หรือการโจมตีในระบบความมั่นคงปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์สหรัฐฯ อยู่ในจุดวิกฤต เนื่องจากแต่ละวันจะมีมือมืด โดยระบุว่าเป็นรัสเซีย จีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือคอยเจาะโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล รุกราน และโจมตีเป้าหมายต่าง ๆ ในสหรัฐฯ ได้แก่ ภาคส่วนธุรกิจ สถาบันเอกชน หน่วยงานของรัฐทุกระดับ รวมทั้งองค์ประกอบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เจตนาทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยบนพื้นฐานรายวัน โดยไม่คำนึงว่าจะมีการเลือกตั้งหรือไม่ นอกจากนี้ นายโคทส์ยังระบุว่า รัสเซียเป็นตัวแสดงต่างชาติที่ปฏิบัติการดังกล่าวมากที่สุด อย่างไรก็ดี แม้สหรัฐฯ จะยังไม่เห็นสัญญาณการแทรกแซงการเลือกตั้งเช่นเมื่อปี 2559 ในการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ ซึ่งจะมีขึ้นในปลายปีนี้ แต่สถานการณ์ทำนองเดียวกันสามารถเกิดขึ้นซ้ำรอย
เป็นที่สังเกตว่า คำวิจารณ์ของนายโคทส์มีขึ้นก่อนหน้าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะพบหารือกับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และมีขึ้นขณะที่สหรัฐฯ ตั้งข้อหาเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของรัสเซีย 12 คน ซึ่งเจาะระบบข้อมูลการรณรงค์หาเสียงของนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครตัวแทนจากพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2559 ซึ่งส่งผลให้ประธานาธิบดีทรัมป์ชนะการเลือกตั้งท่ามกลางข้อกล่าวหาสมคบคิดกับรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้ง
….
(0745 F171)