นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เมื่อเวลา 16.00น. ได้ค้นพบผู้สูญหาย เพศชาย ที่บริเวณใกล้กับเกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ณ จุดใกล้เคียงกับจุดที่ค้นพบศพ เบื้องต้น ได้ดูจากลักษณะทางด้านกายภาพ พบว่า มีเงินหยวนอยู่ในเสื้อผ้าร่างของผู้เสียชีวิต และ ยาแก้เมาเรือ ใกล้เคียงกันพบชูชีพลักษณะเหมือนเรือที่ประสบเหตุ คือเรือฟินิกซ์ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นผู้ที่เสียชีวิตจากเรือล่มได้ลำเลียงศพที่พบมาที่ฝั่งแล้ว คาดว่าน่าจะเป็นผู้ประสบภัยจากเรือส่วนความขัดเจนรอการพิสูจน์อัตลักษณ์ และ ยืนยันตัวบุคคลชื่อนามสกุลในลำดับต่อไป
สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิต 45 ราย พิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลได้ 43 ศพ เหลืออีก 2 ศพจะส่งดีเอ็นเอไปตรวจที่กรุงเทพมหานคร คาดว่าผลการตรวจจะกลับมาเร็วๆนี้ ศพที่พบวันนี้ส่งไปรพ.วชิระเพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์โดยเร็ว
สรุปตัวเลขผู้โดยสารจำนวน 89 คน รอดชีวิต 42 คน อยู่ที่ โรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต 6 คน โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต 1 คน ออกนอกประเทศไปแล้ว 10 คน ที่ยังไม่เดินทาง 25 คน เสียชีวิต 45 คน สูญหาย 2 คน( อยู่ระหว่างลำเลียงขึ้นมา 1 คน ติดใต้เรือ 1 คน ) เป็น 47 คน พิสูจน์อัตลักษณ์ 43 คนอยู่ระหว่างยืนยันDNA 2 คน ที่ ครบตามที่ค้นหา 47 คน
ด้าน พล.ร.ต. เจริญพล คุ้มราษี รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 กล่าวว่า การค้นหาผู้สูญหาย ในปฏิบัติการของศรชล.เขต 3 ทางผิวน้ำและทางอากาศ เป็นไปตามหลักการที่ได้รับข้อมูลการเคลื่อนตัวของกระแสน้ำแบบจำลองที่ได้รับมาจากกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ มาดำเนินการวางแผนในการค้นหา สำหรับ การเก็บกู้ร่างผู้สูญหายใต้เรือฟินิกซ์ทับอยู่นั้น วันนี้ นักประดาน้ำ กองทัพเรือ และของจีน ได้ร่วมกันเดินทางทำการค้นหาและเก็บกู้สามารถดำน้ำลงไปได้ 1 ไดรท์ เพื่อตรวจสอบตัวเรือและการผูกเชือกนำ จากนั้นสภาพคลื่นลมแรงมากขึ้น ได้ประเมินแล้วไม่ปลอดภัยจึงยุติการเก็บกู้ไว้ก่อน ไดัตรวจสอบพบว่าร่างของผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่เดิม เป็นเพศชาย สวมกางเกงยีนส์สามส่วน สภาพร่างของผู้เสียชีวิตอยู่ในสภาพ ประมาณ 90% วันนี้ เวลา 16.00น.ทีมงานได้ประชุมวางแผนที่จะเก็บกู้ในวันพรุ่งนี้ ถ้าสภาพอากาศเอื้ออำนวย
ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดระบียบเรือนำเที่ยวนั้น เรือทุกลำที่ออกทะเล ต้องมีองค์ประกอบคือเรือ ผู้โดยสาร พนักงานขับเรือ ขณะนี้จะใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยคือกล้องจับใบหน้าและริชแบนด์ นำร่อง ที่ ท่าเรืออ่าวปอ จะรู้ตัวบุคคลและ ต่อไปจะดำเนินการกำหนด ให้กล้องจับภาพใบหน้าทุกคนก่อนจะลงเรือ ซึ่ง เป็นแผนที่เราดำเนินการจะสร้างความเข้มข้นขี้นติดกล้องCCTVทั้งหมด สำหรับมาตรการอื่นจะมีการประชุม เพิ่มความเข้มข้น ต่อไป