ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ จ.นราธิวาส อบรมเกษตรกรแปรรูปสัตว์น้ำ เพิ่มช่องทางการตลาด

การส่งเสริมอาชีพด้านประมงให้เกษตรกร โดยสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) ลงพื้นที่มาที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่จ.นราธิวาส นายอภิวัฒน์ เกื้อคลัง นักวิชาการประมง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ ทางศูนย์ ได้นำพันธุ์ปลาหลายชนิดมาทดลอง เพื่อหาพันธุ์ปลาที่ทนต่อสภาพน้ำเปรี้ยว จนปี 2552 พบปลาที่เหมาะสม คือปลานิล มีคุณสมบัติเลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพแวดล้อม ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ได้รับมาจากกรมประมง วิธีการเลี้ยงเพื่อให้ทนต่อสภาพน้ำเปรี้ยว เจ้าหน้าที่จะนำลูกพันธุ์ปลานิลเลี้ยงในน้ำเปรี้ยว จนถึงอายุเจริญพันธุ์ นำมาเป็นพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ต่อ ลูกพันธุ์ที่ออกมาก็จะทนต่อสภาพน้ำเปรี้ยวได้ หลังเพาะพันธุ์แล้ว จะนำแจกจ่ายให้เกษตรกร ที่มีบ่อน้ำ แต่ประสบปัญหาเรื่องน้ำเปรี้ยว

อย่างไรก็ตาม แม้การเพาะพันธุ์ปลานิลในน้ำเปรี้ยวจะมีข้อจำกัดเรื่องเวลา จากเลี้ยงปลานิลในน้ำปกติ 3-4 เดือน เป็น 4-7 เดือน แต่จะมีเนื้อเหนียวแน่น เหมาะกับการแปรรูป ทางศูนย์จึงได้เปิดหลักสูตรการอบรมแปรรูปสัตว์น้ำ ทั้งทำปลาแดดเดียว น้ำพริก และปลาส้มที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยศูนย์ได้สนับสนุนและส่งเสริมเพื่อให้เกษตรกรได้เข้ามาเรียนรู้ในรูปแบบการรวมกลุ่ม นำความรู้ที่ได้กลับไปสร้างผลิตภัณฑ์ของตัวเอง สร้างรายได้เสริม ซึ่งผลการตอบรับค่อนข้างดี โดยในแต่ละปีมีกลุ่มเกษตรกรเข้ารับการอบรมจำนวนมาก จนระยะหลังประสบปัญหาการแปรรูปและเลี้ยงปลาไม่ทัน  จึงจัดกิจกรรมขยายผลโดยได้รับการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนจากสำนักงาน กปร. ให้เลี้ยงปลานิลสำหรับแปรรูปเป็นปลาส้ม ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าได้มากกว่าจากเดิมปลานิลกิโลกรัมละ 60 บาท นำมาแปรรูป ปลานิล 1 ตัวจะสามารถได้ถึง 40 บาท หรือกิโลกรัมละกว่า 200 บาท แม้จะสร้างรายได้ไม่มาก แต่สามารถเก็บผลผลิต ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องขายผ่านตลาด รวมถึงนำมาเพิ่มมูลค่าได้อีกทาง 

หลังการอบรมเสร็จแล้ว ศูนย์ยังได้ติดตามประเมินผล โดยเฉพาะเรื่องของรสชาดที่จะมีการสุ่มตรวจ หรือทดสอบว่าคงเดิมหรือไม่อยู่เสมอ ขณะเดียวกัน ทางศูนย์ยังได้มีการสอนวิธีจำหน่าย ในช่องทางออนไลน์เพื่อเพิ่มรูปแบบการขาย เนื่องจากปลาสดจะไม่สามารถนำไปจำหน่ายพื้นที่อื่นหรือต่างจังหวัดได้แต่การแปรรูปปลานิลอยู่ได้ 7-10 วัน หากส่งออกก็จะเพิ่มโอกาสการขายโดยเฉพาะในโลกออนไลน์ที่ปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

ผู้สื่อข่าว:เกตุกนก ครองคุ้ม