พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเดินทางถึงท่าอากาศยานภูเก็ตเพื่อตรวจเยี่ยมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรือล่มจังหวัดภูเก็ต โดยได้แวะทักทาย นักท่องเที่ยวภายในท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต อวยพร ขอให้นักท่องเที่ยวเดินทางปลอดภัย
จากนั้น นายกรัฐมนตรี เดินตรวจภายในบริเวณที่ตรวจคนเข้าเมืองของสนามบินภูเก็ต พบว่าแสงไฟบริเวณดังกล่าวสว่างไม่เพียงพอ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ เพิ่มแสงไฟให้สว่างมากกว่านี้ และขอให้ดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการท่องเที่ยวกลางทะเลในช่วงนี้ ควรมีการแจ้งเตือน และกำชับ ห้ามนำเรือท่องเที่ยวออกเรืออย่างเด็ดขาด โดยให้เรือตรวจการในทะเล คอยตรวจสอบ เรือของนักท่องเที่ยวที่ออกเรือในช่วงนี้ หากพบต้องเร่งให้นำเรือเข้าฝั่งโดยด่วน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุเรือล่มเหมือนที่ผ่านมา
ต่อมา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรือล่ม จังหวัดภูเก็ต ที่ท่าเทียบเรืออ่าวฉลองภูเก็ต มี พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พลเรือโทสมนึก เปรมปราโมทย์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายหลู่ว เจี้ยน Mr. LYO JIAN เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ที่เกี่ยวข้อง จำนวนมาก ให้การต้อนรับ
จากนั้น นายกรัฐมนตรี รับฟังบรรยายสรุปเหตุการณ์เรือล่มจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ แถลงข่าวแก่สื่อมวลชน ต่อกรณีดังกล่าวพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ ยินดีที่ได้พบเอกอัครราชทูตจีน ทูตทหาร ที่นำความจากนายกรัฐมนตรีจีน สิ่งที่ขอมาขอให้ไทยช่วยดูแลอย่างเต็มที่ ได้ส่งข้อความถึงนายกรัฐมนตรีจีน ผ่านกระทรวงการต่างประเทศไปแล้ว ให้เข้าใจว่า เราไทยจีน เป็นพี่น้องกัน มาหลายร้อยปี คนจีนเข้ามาประเทศไทย คือคนในประเทศเราเช่นกัน เราต้องดูแลคนทุกประเทศ ที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย การท่องเที่ยวของเราเติบโตสูงขึ้นต้องมีการใช้เทคโนโลยีต่างๆเข้ามาเพิ่มขึ้น ใน ช่วง 3-4 ปี ได้เพิ่มเติมบุคลากร เครื่องมือแต่ไม่เพียงพอจะขอให้มีอุปกรณ์เพิ่มมากขึ้น จะให้มีการเพิ่มมาตรการมากขึ้น จะให้มีการหารือต่อไปว่ามีสิ่งใดที่เราจะต้องปรับปรุงให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้ง ความร่วมมือจากต่างประเทศด้วย ประเทศจีน ยืนยันพร้อมให้ความร่วมมือในเรื่องเหล่านี้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันละกัน เพราะว่าเหตุการณ์อย่างนี้ไม่ได้เกิดในประเทศไทยประเทศเดียว
“สิ่งสำคัญที่สุดคือความร่วมมือกันระหว่างเจ้าของ ผู้ประกอบกิจการการท่องเที่ยว เจ้าของเรือ เจ้าของบริษัท เกี่ยวกับ ความเชื่อมโยงข้าราชการ หรือ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการประกอบการธุรกิจต้องคำนึงถึงข้อกฎหมายดูแลการประกอบการให้ถูกต้องทุกประการเพื่อให้เกิดการลงทุนมากขึ้น มีการท่องเที่ยวมากขึ้นคนยิ่งมากความเสี่ยงก็ยิ่งมากถ้าไม่ลงทุนอะไรเลยถ้าไม่มีการซักซ้อม ถ้าไม่มีการตรวจสอบความเสี่ยงจะเกิดขึ้นมากกว่านี้อีก ดังนั้น สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องทบทวน
วันนี้ที่มาจะไปเยี่ยมคนเจ็บที่โรงพยาบาล และ อีกภารกิจหนึ่งต้องไปที่ถ้ำหลวงเพื่อไปดูผู้ที่ต้องนำออกในระยะต่อไปขอเป็นกำลังใจให้กันและกันวันนี้ ไม่ได้มาจับผิดมาให้กำลังใจและเตือน เพราะว่าเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นคณะรัฐบาลเป็นความรับผิดชอบของตัวเองไม่ว่าจะดีไม่ดี ก็สามารถรับผิดชอบทั้งหมด ดังนั้นขอร้องเขาให้ทำให้ดีที่สุดและคนไทยด้วยกัน คนจีนเป็นพี่น้องกับเราทั้งสิ้น
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า วันนี้ การประกอบการต่างๆการลงทุนในประเทศไทยดีในระดับต้นๆเหมือนกับประเทศอื่นเช่นเดียวกัน เราต้องรักษามิตรภาพเหล่านี้ไว้ให้ได้ทุกคนต้องช่วยกันอย่าทำอะไรที่ไม่สมควรจะทำ ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ทำอะไรให้นึกถึงเขาเราต้องเป็นเจ้าบ้านที่ดีให้คงไว้ซึ่งความสัมพันธ์อันยาวนานกว่าหลายร้อยปีที่ผ่านมา ขอบคุณทุกคน ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน ในวันนี้ต้องเคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อย และวางแผนงานต่อไปในการดำเนินการ ขอให้ทุกคนต้องเชื่อฟังประกาศทางราชการ เรือทุกลำที่ออกนอกไปน่านน้ำ ต้องฟัง จะตรวจสอบ โดยถ้าเกิดเหตุการณ์ขึ้นอีกต้องมาตรวจสอบอีกว่าที่เสียชีวิตลงไปปฏิบัติกันอย่างไรถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นความผิดจะกลับมาที่เจ้าหน้าที่ทันที ดังนั้น ทุกคนต้องรับผิดชอบด้วยร่วมกับส่วนราชการด้วย นี่คือ การทำงานของประชารัฐ เขาสูญเสียไปเราเรียกเขากลับมาไม่ได้แต่เราจะต้องไม่ให้มีการสูญเสียอีกต่อไป นั่นคือ ประเด็นสำคัญกับพวกเราทุกคน ขอบคุณคนจีนทุกคน และนายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณเป็นภาษาจีนด้วยว่า เซียะเซียะ
ผู้สื่อข่าว:อชัถยา ชื่นนิรันดร์