นักวิชาการด้านสื่อ มั่นใจสื่อหลักน่าเชื่อถือนำเสนอข่าวค้นหา13นักฟุตบอลหมูป่าไม่ดราม่า

การนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนไทย กรณีการหายตัวเข้าไปในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ของโค้ชและเยาวชนทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมี่  ผศ.พิจิตรา สึคาโมโต้ หัวหน้าภาควิชาวารสารสนเทศ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มองว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ขั้นตอนต่อไปคือการนำทั้ง 13 ชีวิตออกมาจากถ้ำ อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้ถูกพูดถึงมากที่สุดในปัจจุบัน และยอมรับว่าเป็นกระแสที่ทำให้ข่าวอื่นๆตกกรอบไป โดยเฉพาะในช่วงที่ยังไม่พบเจอทั้ง 13 คน แต่เมื่อพบตัวแล้วกระแสจะเริ่มตกไม่นานจะมีข่าวอื่นเข้ามา กลบกระแสข่าวนี้แทน หากเหตุการณ์ยังดำเนินไปโดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง  

ขณะที่การทำงานของสื่อมวลชนไทยในปัจจุบัน ด้านการเสนอข่าวนี้ แม้มีความยากในการแข่งขันกับสื่อสังคมออนไลน์ ที่รวดเร็ว แต่ส่วนตัวเชื่อว่าในช่วงวิกฤตนี้ สื่อวิทยุ สื่อโทรทัศน์ และสื่อหนังสือพิมพ์ จะมีความสำคัญอย่างมากในการทำความเข้าใจกับสังคมไทย  เพราะสิ่งที่ผู้อ่านข่าวต้องการมากที่สุด คือความครบถ้วน อยู่บนฐานข้อเท็จจริง ลำดับเหตุการณ์ขั้นตอน ไม่มีความดราม่าและไม่จําเป็นต้องหาคนผิดหรือแพะกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมยกตัวอย่างการนำเสนอข่าวนี้ของสื่อญี่ปุ่น ที่เน้นนำเสนอภาพข่าวการให้กำลังใจซึ่งกันและกันระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่เข้าไปพบ ทั้ง 13 คน เน้นการทำงานเป็นกลุ่มโดยไม่หาคนเก่งหรือฮีโร่เพียงแค่คนเดียว อีกทั้งยังทำการทดลองผ่านหน้าจอโทรทัศน์ เพื่อให้ผู้ชมได้เห็นและเข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงว่ายากลำบากเพียงใด

ส่วนหลังจากนี้ในขั้นตอนการนำทั้ง 13 คนออกมาจากถ้ำนั้น ขอความร่วมมือด้านการสื่อสารของสื่อมวลชนในลักษณะข้อเท็จจริง ลดเรื่องที่กระทบความรู้สึก และให้กำลังใจ ทั้ง 13 คน

ขณะเดียวกันจะเห็นว่าทั่วโลกต่างให้ความสนใจกับข่าวนี้อย่างมาก แม้จะมีข่าวภัยพิบัติ หรือสงครามอื่นๆ  ผศ.พิจิตรา กล่าวว่า ส่วนหนึ่งเป็นความสำเร็จด้านการทูตของไทย เห็นได้จากมีตัวแทนรัฐบาลหลายประเทศเข้ามาให้ความช่วยเหลือ สะท้อนให้เห็นว่าแม้ประเทศไทย ไม่ใช่ประเทศที่ร่ำรวยที่สุด แต่มีมิตรค่อนข้างมาก อีกทั้งเนื้อหาข่าวเกี่ยวข้องกับเด็กเป็นความมหัศจรรย์ที่หลายคนร่วมมือกัน ทุกคนจึงต่างมีความหวังว่าจะได้พบตัวทั้ง 13 คน และนำออกมาจากถ้ำ ไม่ใช่เพียงแค่คนไทยเท่านั้น แต่ทั่วโลกก็อยากจะเห็น หากทั้ง 13 คนนั้น ออกมาได้นับว่าเป็นข่าวดี และเป็นความหวังของคนทั้งประเทศด้วย