สนช.มีมติเอกฉันท์ผ่านร่างพ.ร.บ.คณะสงฆ์ 3 วาระรวด

การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติคณะสงฆ์รวดเดียว 3 วาระ โดยใช้คณะกรรมาธิการวิสามัญฯเต็มสภา พิจารณานานกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนลงมติในวาระที่ 3 เห็นชอบให้ประกาศร่างพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ เป็นกฎหมายด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 217 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี และงดออกเสียง 4 เสียง

ก่อนหน้านั้นนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีในฐานะตัวแทนครม.ผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติ กล่าวว่า สาเหตุที่เร่งรัดเสนอร่างกฎหมาย เพราะกรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ขณะนี้กำลังจะหมดวาระในเดือนกันยายน หากแก้ไขกฎหมายให้แล้วเสร็จก่อนก็จะทำให้กรรมการมส.ไม่มีปัญหา และเป็นการจัดระเบียบภายในมส. โดยในร่างกฎหมายฉบับนี้ยังคงให้มีคณะกรรมการมส. 20 รูปเท่าเดิมบวกกับอีก 1 คือตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช แต่ใน 20 รูปนั้นได้ยกเลิกตำแหน่งกรรมการมส.ที่แต่เดิม 8 รูป จาก 20 รูป จะมาจากตำแหน่งสมเด็จพระราชาคณะโดยอัตโนมัติ โดยกำหนดให้ถวายคืนพระราชอำนาจให้ทั้ง 20 รูปมาจากพระราชอำนาจ ซึ่งจะทำให้การบริหารคณะสงฆ์ มีความคล่องตัวมากขึ้น

ด้านนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง หลักการและเหตุผลในการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ว่า เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์พ.ศ.2505 โดยแก้ไขเพิ่มเติมในม.5 ตรี ม.12 ม.14 ม.15 ม.15 ทวิ ม.20 ทวิ รวมถึงเพิ่มวรรค 7 ของม.10 และ ม.20/2 ทั้งนี้แก้ไขเพิ่มเติมให้พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจที่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ หรือมีพระราชวินิจฉัยเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช, การแต่งตั้งและการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการมส. เพื่อให้การดูแลปกครองคณะสงฆ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

จากนั้นที่ประชุมได้เปิดให้สมาชิกสนช.อภิปราย โดย พล.ร.อ.ศักดิ์สิทธิ์ เชิดบุญเมือง เห็นด้วยกับการแก้ไข เพราะตั้งแต่มีพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ 2505 ที่ใช้มาจนถึงขณะนี้กว่า 50 ปี ทำให้เห็นถึงปัญหาและความเสื่อมเสียของวงการสงฆ์และพระพุทธศาสนามาโดยตลอด โดยเฉพาะการประพฤติปฏิบัติของพระสงฆ์, การบิดเบือนหลักธรรมพระพุทธศาสนา, การบวชพระที่กลายเป็นการมุ่งแสวงหาผลประโยชน์มากกว่าเผยแผ่หลักธรรม ดังนั้น การแก้ไขร่างพระราชบัญญัตินี้จึงจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแลคณะสงฆ์ที่จะมีการปรับปรุงคณะกรรมการมส. รวมถึงการแต่งตั้งที่ได้รับการยอมรับจากประชาชนด้วย

ผู้สื่อข่าว: ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร