การแถลงผลการจับกุมและร่วมสอบปากคำ MR.ROGERS KYEYUNE อายุ 31 ปี สัญชาติยูกันดา , MR.EMMANUEL KASOMA อายุ 37 ปี สัญชาติยูกันดา และ นางสาววิไลวรรณ เพ็ชรทอง อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาในเครือข่ายโรแมนสแกม โดยร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายผ่านเฟสบุ๊ค และหลอกให้โอนเงิน ถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฏร์ธานี จับกุม พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยว่า ตำรวจจับกุมหลังพบตระเวนกดเงินตามตู้เอทีเอ็มในพื้นที่เกาะสมุย เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน เมื่อขยายผลและตรวจสอบหนังสือเดินทางของชายต่างชาติทั้งสอง พบว่า การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดไปแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงได้จับกุมในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด”
นอกจากนี้ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) พบว่า กลุ่มผู้ต้องหาหลอกลวงให้หญิงไทยหลงรัก และโอนเงินผ่านเฟสบุ๊คจำนวน 4 ราย ในพื้นที่ย่านตลาดพลู ย่านประชาชื่น กรุงเทพมหานคร จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดตรัง มูลค่าความเสียหายกว่า 8 แสนบาท
นางสาววิไลวรรณ ผู้ต้องหายอมรับว่า ได้ค่าจ้างการเปิดบัญชีธนาคาร บัญชีละ 4 พันบาทมานานกว่า 1 เดือน หลังจากเพื่อนแนะนำให้รู้จักกับชาวยูกันดาที่สปาได้ไม่นาน
รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า จากนี้เตรียมหารือกับกระทรวงการต่างประเทศถึงมาตรการการออกวีซ่าให้กับชาวไนจีเรีย และชาวยูกันดา สองสัญชาติที่มีประวัติการเข้ามาก่ออาชญากรรมในไทยบ่อยครั้ง โดยเฉพาะคดีหลอกลวงให้ผู้เสียหายโอนเงิน หรือ แก๊งโรแมนสแกม ที่มีผู้เสียหายเป็นจำนวนมากหลงเชื่อ รวมทั้งก่อเหตุในคดีอื่นๆ อีกจำนวนมาก คาดว่า จะทราบผลในเร็วๆนี้ และจะดำเนินการขยายผลจับกุมเครือข่ายโรแมนสแกมให้หมดไปจากประเทศไทยต่อไป หากมีผู้เสียหายหรือถูกหลอกลวง จากกลุ่มคนร้ายที่มีพฤติการณ์ในลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งเหตุหรือแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วนตำรวจท่องเที่ยว 1155 หรือ สายด่วน ปปง. 1710
ผู้สื่อข่าว:ปภาดา พูลสุข