วันนี้ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและสถานีวิทยุจส. 100 ร่วมบริจาครถวีลแชร์ คันที่ 12 ของโครงการมอบรถวีลแชร์ให้กับผู้พิการและผู้สูงอายุให้นางสาวจรูญ สีราคำ อายุ 59 ปี ที่ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ขยับแขนและขาไม่ได้ ที่บ้านเลขที่ 3/1154 ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร นางสุนิด มั่นครองธรรม หัวหน้าสำนักการพิมพ์ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เล่าว่า หลังจากเห็นชีวิตความเป็นอยู่ของนางสาวจรูญกับนายสิทธิศักดิ์ น่าเห็นใจ เพราะอาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ แต่โชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าของห้องเช่าแห่งนี้ ให้อาศัยอยู่ฟรี
การมอบรถวีลแชร์ครั้งนี้ เป็นรถคันที่ 12 ของปี จากข้อมูลที่ได้รับจากจส. 100 พบว่ามีผู้พิการ และผู้สูงอายุ จำนวนมาก ติดต่อขอความช่วยเหลือผ่านทางจส.100 เนื่องจากพบว่า นางสาวจรูญ ใช้ชีวิตประจำวันยากลำบาก ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้รถวีลแชร์ แต่ไม่มีทุนทรัพย์ จส. 100 จึงได้ดำเนินโครงการนี้เพื่อช่วยเหลือคนเหล่านั้น โดยหาพันธมิตรจากหน่วยงาน องค์กรต่างๆ ในสังคม รวมถึงสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลด้วย
สํานักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า นอกเหนือจากการดําเนินการภายใต้ภารกิจหลักขององค์กรแล้ว สํานักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมในการพัฒนาและสรรค์สร้างเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน เพื่อตอบแทนสังคมที่ได้สนับสนุนอุปถัมภ์คําชูองค์กรเสมอมา ตามวิสัยทัศน์ “เป็นองค์กร สลากชั้นนําในระดับสากล บริหารงานด้วยความทันสมัย โปร่งใสอย่างมืออาชีพ” ซึ่งหนึ่งในวิสัยทัศน์คือการ เป็นองค์กรชั้นนําด้าน CSR สร้างคุณค่าให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล สนับสนุนโครงการดังกล่าว มาเป็นปีที่ 2 ด้วยเล็งเห็นว่าเป็นการสร้างโอกาสและความเท่าเทียมกันของคนในสังคมด้วย ซึ่งนับเป็นความยินดียิ่งในการมีส่วนร่วมในโครงการที่ดีเช่นนี้ สำหรับปีนี้ ได้สนับสนุนรถวีลแชร์จำนวน 20 คัน ให้กับโครงการฯ เพื่อส่งต่อให้ จส.100 เป็นสื่อกลางในการส่งต่อน้ำใจจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลไปสู่ผู้รับ โดยจส.100 จะเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกผู้สมควรได้รับตามหลักเกณฑ์และนำรถวีลแชร์ไปมอบให้กับผู้รับ เดือนละ 2 คน คนละ 1 คัน
นายสิทธิศักดิ์ สามีของนางสาวจรูญ เปิดเผยว่า ได้รับทราบข่าวสารเรื่องนี้จากคนขับรถแท็กซี่ ในขณะที่กำลังใช้บริการรถแท็กซี่เพื่อไปธุระ จากนั้นจึงโทรศัพท์มาหา จส. 100 ก่อนหน้านี้ตนเองและภรรยามีอาชีพขายผลไม้ แต่ภรรยามีอาการป่วย เป็นระยะเวลา 1 ปี 7 เดือน ทำให้ไม่สามารถออกไปประกอบอาชีพได้เหมือนในอดีต ต้องอยู่ดูแลกันตลอดเวลา เนื่องจากอยู่กันแค่ 2 คน ตอนนี้ใช้เงินที่เหลือเก็บสะสมมาทั้งชีวิตและเงินจากการขายรถ นอกจากนี้ ยังได้รับการช่วยเหลือจากทางวัด เพราะทุกวันนี้จะไปรับอาหารที่เหลือจากการบิณฑบาตรมารับประทานในช่วงเช้าด้วย
หลังได้รับบริจาควีลแชร์แล้ว จะใช้พาภรรยาออกไปข้างนอก พาไปสวนสุขภาพและพาไปโรงพยาบาล นอกจากนี้ในอนาคต หากมีช่องทางในการประกอบอาชีพที่เหมาะสม จะได้พาภรรยาออกไปด้วย เนื่องจาก ตอนนี้ไม่สามารถปล่อยภรรยาอยู่บ้านคนเดียวได้
ผู้สื่อข่าว: ปภาดา พูลสุข