การประชุมติดตามความคืบหน้า จัดระบบการช่วยเหลือ เด็กและโค้ช 13 ชีวิต ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ให้เป็นระบบเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) หรือตำรวจป่าไม้ ไปตรวจหาผู้ที่เคยรับสัมปทานทำป่าไม้ในพื้นที่ ถ้ำหลวง เคยเป็นแปลงสัมปทานป่าไม้ เมื่อปี 2529-2530 ซึ่งรู้พื้นที่ เชี่ยวชาญพื้นที่ เพื่อหาข่าวว่าพื้นที่ดังกล่าวมีช่องทาง โพรงลับ หรือไม่
นอกจากนี้สั่งการสภ.แม่สาย ให้ดำเนินการรับแจ้งความคนหาย เพื่อให้เกิดสิทธิตามกฎหมาย หลังตรวจสอบแล้วพบว่า ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน ที่เด็กและโค้ชฟุตบอลสูญหาย จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการรับแจ้งความแต่อย่างใด
โดยรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ตำหนิ สภ.แม่สาย และตำรวจท่องเที่ยว ที่ไม่แนะนำให้ญาติของทั้ง 13 ราย ดำเนินการลงบันทึกประจำวัน ให้ได้สิทธิตามกฎหมาย
ขณะที่แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ได้ลงพื้นที่สอบถามจากญาติของผู้สูญหายทั้ง 13 ราย พบว่าเด็ก 2 คนที่ติดอยู่ภายในถ้ำมีความเสี่ยง เนื่องจากมีโรคประจำตัวหอบหืด ทางแพทย์จึงเตรียมความพร้อมเพื่อให้การช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษแล้ว และวางแผนขนย้ายประสานโรงพยาบาลในพื้นที่แล้ว มีรายงานว่า ในที่ประชุมได้เตรียมส่งโดรนขึ้นสำรวจเพื่อจับคลื่นความร้อน หาสัญญาณสิ่งมีชีวิต ขณะนี้ยังรอความคืบหน้า ขณะเดียวกันรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เตรียมพบผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เพื่อเสนอแผนการปฏิบัติ และรับรองแผนให้เป็นไปตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติบรรเทาสาธารณภัย เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างระบบและถูกต้องตามหลักกฎหมาย