การช่วยเหลือเด็กและโค้ชทีมฟุตบอฃจำนวน 13 คนที่ติดอยู่บริเวณถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จ.เชียงรายพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับสารจากราชเลขานุการในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระราชทานกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงานทุกคน โดยขอให้แบ่งบริหารพื้นที่โดยรอบให้ดี ขอให้ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่าเข้ามา พร้อมให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ดูแล รวมทั้งทรงพระราชทานจิตอาสาลงไปดูแลช่วยเหลือในด้านต่างๆ
ส่วนสถานการณ์ล่าสุดยืนยันว่ายังไม่พบเด็ก และเฮลิคอปเตอร์ก็ไม่สามารถบินได้ เนื่องจากหมอกหนา ส่วนฝนก็ยังตกต่อเนื่องมากกว่าน้ำที่สูบออกได้ ทั้งยังมีปริมาณเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พยายามนำเครื่องสูบน้ำมาสูบน้ำออกแล้วเพื่อให้หน่วย SEAL เข้าไปได้ แต่ยังเอาเครื่องสูบน้ำเข้าไปไม่ได้ ถ้าพร่องน้ำได้งานก็จะง่ายขึ้นทันที ทั้งนี้ได้ประสานกับนักท่องเที่ยวที่เชี่ยวชาญด้านการดำน้ำในถ้ำจากประเทศอังกฤษที่เคยเข้ามาดำน้ำในถ้ำดังกล่าวให้เข้ามาช่วยเหลือซึ่งกำลังจะมาถึงเชียงรายในอีกไม่นานนี้ และได้บอกกับนายกรัฐมนตรีว่าเตรียมพิจารณาหาทางอื่นในการเข้าถ้ำนอกจากการดำน้ำแล้ว โดยจะสำรวจไปเรื่อยๆเพื่อหาทางให้ได้มากที่สุด
สำหรับสภาพถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนนั้น เจ้าหน้าที่ไม่ทราบโครงสร้างละเอียดภายในที่แน่ชัดนัก แต่เท่าที่ถามคนในพื้นที่ทราบว่าด้านในมืดสนิทและมีทางแยกจำนวนมาก ทั้งมีลักษณะเป็นเขาหินปูนซึ่งอุ้มน้ำ เมื่อฝนตกน้ำจะซึมลงในเขา ทำให้เกิดสภาพน้ำท่วมขัง โดยโครงสร้างของถ้ำเป็นรูปตัวที ทั้ง 13 คนเดินเข้าไปจากปลายตัวทีจนเลยสามแยกตัวที เมื่อจะกลับออกมาน้ำก็ท่วมขังแล้วจึงต้องหนีขึ้นที่สูง ซึ่งพอทราบข่าวก็มีการส่งเจ้าหน้าที่ติดตามทันที แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ จึงมีการประสานงานหน่วยงานต่างๆมาเป็นลำดับจนถึงหน่วย SEAL
จากการดำน้ำของหน่วย SEAL พบว่าโพรงส่วนใหญ่เป็นห้องมืดสนิท ไม่มีแสงสว่าง ทั้งยังเป็นพื้นที่สูงสลับต่ำประกอบกับมีน้ำผสมโคลนท่วมขังถึงเพดานจนไม่มีอากาศหายใจ บางช่วงมีโขดหินและเป็นที่แคบต้องใช้วิธีคลานติดพื้นเข้าไป ซึ่งยอมรับว่าระยะทางกว่าจะเข้าไปถึงค่อนข้างไกลจึงไม่สามารถเข้าไปได้
พล.อ.อนุพงษ์ เชื่อว่า เด็กและโค้ชทั้ง 13 คนยังมีชีวิตและปลอดภัยดี เพราะทุกคนล้วนเป็นนักกีฬาและคุ้นชินเส้นทางในถ้ำ เพราะเคยเข้าไปแล้วหลายครั้ง ยืนยันว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อนำตัวทั้ง 13 คนออกมาให้ได้ โดยนอกจากการส่งหน่วยซีลลงไปดำน้ำภายในถ้ำแล้ว ยังมีการส่งเจ้าหน้าที่เดินสำรวจรอบเขาเพื่อหาทางอื่นในการเข้าถ้ำ แต่เท่าที่ทราบขณะนี้มีช่องเข้า-ออกแค่ช่องทางเดียว ยืนยันว่าไม่ละความพยายามและต้องนำทั้ง 13 คนออกมาให้ได้และโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ยังมีข่าวดีว่าทั้ง 13 คนพกไฟฉายเข้าไป และชินเส้นทาง เชื่อว่าทั้ง 13 คนติดอยู่ไม่ไกลจากสามแยกปากทางหรือแยกตัวที
รวมถึงอยากฝากสื่อมวลชนช่วยกันพิจารณาในการนำเสนอข่าวหลังมีภาพและข่าวที่ไม่เหมาะสมหลุดออกมา ซึ่งอาจทำให้ต่างประเทศหรือประชาชนในประเทศเองมองไม่ดี ส่วนตัวเองจะลงพื้นที่อีกครั้งในวันพรุ่งนี้เวลา 11.00น.