รองผู้ว่ากทม.เผย ปรับภูมิทัศน์ป้อมมหากาฬเน้นคืนสภาพสวนสาธารณะ

การปรับปรุงภูมิทัศน์ป้อมมหากาฬ เป็นสวนสาธารณะ  นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนสามารถเข้าชมสวนได้แต่ยังมีสภาพไม่สมบูรณ์ คาดว่าจะสมบูรณ์สิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ส่วนงานที่พยายามดำเนินการอยู่คือการปรับปรุงเรื่องความไม่มั่นคงแข็งแรงของอาคารบางส่วนเท่านั้น พร้อมย้ำว่าการปรับปรุงป้อมมหากาฬปัจจุบันเป็นเพียงชั่วคราว โดยใช้งบประมาณไม่มากนัก เน้นคืนสภาพความเป็นสวนสาธารณะโดยเร็ว

สำหรับป้อมมหากาฬส่วนที่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานมีเพียงกำแพงและตัวของป้อมเท่านั้นที่ขึ้นทะเบียนตั้งแต่ปี พ.ศ.2492 หลังจากนั้นเป็นเรื่องของการซื้อขายบริจาคที่ดิน ด้วยเหตุผลที่กรุงเทพมหานครได้ทำโครงการปรับปรุงเป็นสวนสาธารณะ โดยเน้นให้มีความสอดคล้องกับตัวกำแพงและป้อม ส่วนอาคารบ้านเรือนภายในป้อม ไม่เคยถูกขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน เช่นเดียวกับอาคารพระยาญาณประกาศด้วย

ส่วนที่มีการตั้งคำถามในแวดวงวิชาการด้านโบราณคดีว่า การปรับปรุงอาคารพระยาญาณประกาศ ท่าเรือเก่าสำหรับเจ้านายและขุนนางในรัชกาลที่ 6 กรุงเทพมหานครได้ทำงานร่วมกับกรมศิลปากรหรือไม่ นายจักกพันธุ์ ชี้แจงว่า หากอาคารขึ้นทะเบียนโบราณสถาน จะดำเนินการใดต้องหารือกับทางกรมศิลปากร ซึ่งในพื้นที่ป้อมมหากาฬมีเพียงตัวป้อมกับกำแพงป้อมเท่านั้น โดยกรุงเทพมหานครได้เคยดำเนินการทาสีและหารือกับกรมศิลปากรไปแล้ว แต่อาคารพระยาญาณประกาศได้เข้าไปเสริมความมั่นคง และทาสี และไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน  แต่หากในอนาคตการปรับภูมิทัศน์ทั้งหมดแบบถาวรจะต้องหารือกับกรมศิลปากร ไม่ใช่สาเหตุของการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแต่เป็นสาเหตุของตัวป้อมอยู่ในบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ ซึ่งคณะกรรมการเกาะรัตนโกสินทร์จึงต้องร่วมกันพิจารณา ส่วนที่บริเวณอาคารแห่งนี้เคยเป็นท่าเรือเก่าแก่นั้น ไม่ได้คงสภาพเป็นท่าเรือมานานแล้ว โดยการบำรุงรักษาอาคารไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวใดๆ

โดยก่อนการเข้ามาปรับปรุงอาคารหลังดังกล่าวสำนักการโยธาและสำนักผังเมืองได้เข้ามาตรวจสอบ พบว่าอาคารหลังดังกล่าวขาดการทำนุบำรุงหลายๆ สิบปี สภาพอาคารมีโอกาสชำรุดเสียหายมากกว่าเดิม จึงมีความเห็นตรงกันที่จะทำนุบำรุงเก็บไว้ โดยเป็นการบำรุงรักษาด้วยการทาสีใหม่ เสริมแผ่นไม้ที่พื้นทางเดินให้แข็งแรง  หลังจากอาคารเคยถูกทำเป็นห้องเช่า มีการทาสี ขีดเขียนถ้อยคำ ตอกตะปูที่ผนังกำแพง ซึ่งได้ย้ำว่าการบำรุงรักษาห้ามทำอะไรให้สภาพอาคารเปลี่ยนแปลงจากเดิม แม้ไม่ได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานก็ตาม

ส่วนเนื้อกำแพงที่แผ่นปูนกระเทาะออกจนเห็นก้อนอิฐด้านในก็ยังคงสภาพเช่นเดิมไว้ ไม่ได้ฉาบเพิ่มเติม ยืนยันไม่มีการทุบหรือตัดส่วนใดทิ้ง นอกจากส่วนที่เสียหายมาก จะนำวัสดุใหม่ที่ใกล้เคียงของเดิมเข้าไปแทน ซึ่งการปรับปรุงทั้งหมดเป็นแบบชั่วคราวเท่านั้น

เกตุกนก ครองคุ้ม ผู้สื่อข่าว