นายกฯขอบคุณเมียนมาร่วมพิสูจน์สัญชาติแรงงงาน-หนุนแก้ปัญหารัฐยะไข่

14 มิถุนายน 2561, 20:30น.


ผลการหารือ ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสุขแห่งชาติ (คสช.) กับ นายอู วิน มยิน ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาล และเข้าร่วมการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี - เจ้าพระยา - แม่โขง (ACMECS) ครั้งที่ 8 ระหว่างวันที่ 14 - 16 มิ.ย.นี้ โดย



นายกฯ และประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ร่วมแถลงข่าวที่ตึกสันติไมตรี โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่เมียนมากับไทยฉลองครบรอบ 70 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน ดังนั้น การเยือนไทยครั้งนี้จึงมีความหมายเป็นพิเศษ และเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่แน่นแฟ้นของสองประเทศ โดยได้หารือกันอย่างตรงไปตรงมา และสร้างสรรค์หลายประเด็น โดยเห็นพ้องที่จะพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ให้ใกล้ชิดในทุกมิติ หัวใจสำคัญของความร่วมมือไทยและเมียนมา คือ การพัฒนาตามแนวชายแดน และความร่วมมือด้านความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ



ส่วนเส้นทางเชื่อมต่อไทยกับเมียนมานั้น เห็นว่า ทั้งสองประเทศต้องเร่งรัดการพัฒนาอย่างครบวงจรในเส้นทางแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก - ตะวันตก (East -West Economic Corridor - EWEC) และแนวระเบียงเศรษฐกิจใต้ (Southern Economic Corridor) หากพัฒนาทั้งสองเส้นทางตามแนวระเบียงเศรษฐกิจนี้ได้สำเร็จ จะก่อให้เกิดการเชื่อมต่อของห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพและเศรษฐกิจที่สร้างสรรค์ ขณะเดียวกันยังเห็นพ้องว่าเส้นเขตแดนควรเป็นเส้นเขตแดนแห่งความร่วมมือ เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการค้า การลงทุน และการไปมาหาสู่ระหว่างของประชาชนทั้งสองประเทศ และขอให้หน่วยงานทั้งสองประเทศหารือเพื่อแสวงหาทางออกที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน สำหรับการคุ้มครองแรงงานเมียนมาในประเทศไทย ได้ย้ำความสำคัญของแรงงานเมียนมาที่เป็นหัวใจของการพัฒนาเศรษฐกิจไทย และไทยจะให้การคุ้มครองดูแลแรงงานเมียนมาตามกฎหมายไทยต่อไป และเราเห็นพ้องที่จะส่งเสริมให้แรงงานเมียนมาเข้ามาทำงานในไทย ผ่านความตกลงว่าด้วยการจ้างงานในกรอบรัฐต่อรัฐอย่างจริงจังด้วย





นายกรัฐมนตรี ยังได้ขอบคุณทางการเมียนมาที่ร่วมมือกับไทยอย่างใกล้ชิดจนกระบวนการพิสูจน์สัญชาติแรงงานเมียนมาใกล้แล้วเสร็จและเป็นไปตามกำหนด นอกจากนี้ สำหรับสถานการณ์ในรัฐยะไข่ ตนได้ให้กำลังใจและสนับสนุนความพยายามของเมียนมาในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนและได้ยืนยันความพร้อมของไทยที่จะเข้าไปดำเนินโครงการเพื่อการพัฒนาต่างๆ ในรัฐยะไข่ เพื่อให้ชุมชนในพื้นที่ดำรงชีพได้อย่างยั่งยืน ส่วนการส่งผู้หนีภัยการสู้รบกลับเมียนมา ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการส่งผู้หนีภัยการสู้รบกลับมาตุภูมิ ซึ่งได้ดำเนินการอย่างเป็นทางการมาแล้ว 2 ครั้ง ส่งกลับได้ รวม 164 คน และจะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้การส่งกลับกลุ่มต่อๆ ไป มีประสิทธิภาพและเป็นระบบมากยิ่งขึ้น บนพื้นฐานของความปลอดภัย ความสมัครใจและมีศักดิ์ศรี





ด้าน ประธานาธิบดีเมียนมา กล่าวว่า ขอบคุณการต้อนรับที่อบอุ่น ตนและนายกฯ ไทยได้ร่วมกันหารือ โดยเฉพาะการเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างกัน ที่มีมายาวนาน 70 ปี ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงจะร่วมมือกันเพื่อพัฒนาและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของชาวเมียนมา ซึ่งต้องขอบคุณรัฐบาลไทยที่ใหความร่วมมือและส่งเสริมในทุกๆ ด้านของเมียนมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพัฒนาประชาธิปไตย การเมือง เศรษฐกิจ และการส่งเสริมคุณภาพชีวิตชาวเมียนมา รวมถึงความมั่นคงในเมียนมาและตลอดแนวชายแดน ซึ่งตนและนายกฯ ไทย ได้มีการหารือกันที่จะร่วมมือในทุกๆ ด้าน และจะขยายความร่วมมือในโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย และการเชื่อมโยงมายังภาคตะวันออกของประเทศไทย รวมถึงการเชื่อมโยงระหว่างไทยกับเมียนมาให้มากขึ้น



จากนั้นในช่วงค่ำ นายกฯ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และภริยา ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาล ที่ตึกสันติไมตรี หลังนอก





 



CR:คลังภาพ

ข่าวทั้งหมด

X