ผู้นำสหรัฐฯเชื่อเปลี่ยนความน่าสะพรึงกลัวเป็นสันติภาพได้ หลังหารือเกาหลีเหนือ

ในการแถลงข่าวและตอบคำถามสื่อเมื่อเวลา 15.15 น.ตามเวลาในประเทศไทย ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯกล่าวว่า เรามีการประชุมที่ประสบผลสำเร็จอย่างมากกับนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือในวันนี้ เพิ่มเติมว่าเกาหลีเหนือมีโอกาสจะประสบความสำเร็จในการพัฒนาด้านต่างๆในอนาคต นายทรัมป์กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงมีโอกาสจะเกิดขึ้นได้จริง ระบุว่าการประชุมกับนายคิม จองอึน ดำเนินไปอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมาและประสบผลสำเร็จน่าพอใจ

เขากล่าวว่าวันนี้เป็นวันเริ่มต้นของขั้นตอนการปลดอาวุธนิวเคลียร์ที่ต้องใช้ระยะเวลาอีกนานจึงจะแล้วเสร็จ เขากล่าวว่าผู้นำเกาหลีเหนือเริ่มสั่งทำลายฐานทดลองขีปนาวุธมาบ้างแล้ว เขากล่าวว่าเราสามารถจะเปลี่ยนความน่าสะพรึงกลัวจากสงครามให้เป็นสันติภาพ เพิ่มเติมว่า คนทั่วโลกล้วนแต่ต้องการจะสร้างสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือและคนทั่วโลกจะจดจำนายคิม จองอึน ในฐานะผู้นำที่นำพาประเทศเข้าสู่ศักราชใหม่แห่งความเจริญรุ่งเรือง

ในช่วงการตอบคำถาม นักข่าวคนหนึ่งได้ ถามนายทรัมป์กรณีชื่นชมนายคิม จองอึน ว่าเป็นคนเก่งมาก นายทรัมป์ตอบว่านายคิม จองอึนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตั้งแต่อายุน้อยและสามารถบริหารประเทศได้อย่างดีเยี่ยม สำหรับประเด็นเรื่องการซ้อมรบกับเกาหลีเหนือซึ่งสหรัฐฯดำเนินมาทุกปี ขณะนี้นายทรัมป์มองเรื่องนี้ว่าอาจจะสร้างความไม่สบายใจให้กับเกาหลีเหนือและมองว่าทำให้สหรัฐฯเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก แต่ขณะนี้การซ้อมรบกับเกาหลีใต้จะยังคงมีอยู่ต่อไปจนกว่าจะมีการเจรจาเปลี่ยนแปลงข้อตกลงเรื่องนี้กับเกาหลีใต้ในอนาคต

สำหรับประเด็นเรื่องการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ นายทรัมป์กล่าวว่าจะยังคงมีอยู่ต่อไปจนกว่าเกาหลีเหนือจะปลดอาวุธนิวเคลียร์เสร็จสมบูรณ์แล้ว ระบุว่าโดยส่วนตัว เขาตั้งตาคอยวันที่เกาหลีเหนือปลดอาวุธนิวเคลียร์เสร็จสมบูรณ์เพื่อที่สหรัฐฯจะยกเลิกการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ เพิ่มเติมว่าเขามั่นใจว่าเป็นเรื่องของระยะเวลาเท่านั้นว่าการปลดอาวุธนิวเคลียร์จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ นายทรัมป์ยอมรับว่าไม่มีเวลามากพอที่จะหารือในรายละเอียดต่างๆกับผู้นำเกาหลีเหนือเนื่องจากเขามาร่วมการประชุมในสิงคโปร์เพียงหนึ่งวันเท่านั้น เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาขัดแย้งกับกลุ่มจี-7 จะกระทบสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับพันธมิตรของสหรัฐฯในกลุ่มจี-7 หรือไม่ นายทรัมป์กล่วว่าเขามีการประชุมที่ประสบผลสำเร็จมากกับกลุ่มจี-7 แต่สหรัฐฯก็ถูกเอาเปรียบมาโดยตลอด