ทันสถานการณ์โลกวันนี้ติดตามการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ ระหว่าง ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กับนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ที่โรงแรมคาเปลลา บนเกาะเซนโตซา นอกชายฝั่งทางตอนใต้ของสิงคโปร์
สำหรับกำหนดการประชุมในวันนี้ ผู้นำทั้ง 2 คนจะพบกันในเวลา 8.00 น.ตามเวลาประเทศไทย หรือ 9.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น จากนั้นจะเป็นการพูดคุยเป็นการส่วนตัวเป็นเวลา 2 ชม. โดยทั้ง 2 ฝ่ายจะมีล่าม 1 คนเข้าร่วมการประชุม จากนั้นจึงเป็นการประชุมโดยมีคณะผู้ติดตามเข้าร่วมการหารือ นอกจากนี้ ทำเนียบขาวยังแจ้งเปลี่ยนแปลงกำหนดการเดินทางของประธานาธิบดี ทรัมป์ ซึ่งเดิมเขาจะเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) มาเป็นคืนนี้ (ประมาณ 20.00น. ของวันที่ 12 มิ.ย.) เมื่อการประชุมกับนายคิมเสร็จสิ้น
คณะผู้ติดตามของทรัมป์ ประกอบด้วย พลเอก จอห์น เคลลีย์ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาว นายไมเคิล ปอมเปโอ รัฐมนตรีการต่างประเทศ และนายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ
คณะผู้ติดตามของนายคิม ประกอบด้วย นายคิม ยองชอล รองประธานคณะกรรมาธิการกลางพรรคคนงานเกาหลี นายรี ซูยอง รองประธานกิจการวิเทศสัมพันธ์ของพรรคคนงานเกาหลี นายรี ยองโฮ รัฐมนตรีการต่างประเทศ นายพล โน ควางชอล รัฐมนตรีด้านกิจการกองทัพประชาชนเกาหลี (เคพีเอ) และ นางสาวคิม โยจอง น้องสาวของนายคิม จองอึน
ประเด็นการพูดคุยจะเกี่ยวกับการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีในรูปแบบใหม่ อาทิ การสร้างสันติภาพที่ถาวรและยั่งยืนบนคาบสมุทรเกาหลี กระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี
การประชุมครั้งนี้ มีการใช้กำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ 5,000 นาย
เมื่อวานนี้ ประธานาธิบดี ทรัมป์ พบหารือกับนายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง ผู้นำสิงคโปร์ ที่ทำเนียบอิสตานา แสดงความขอบคุณในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม และเชื่อมั่นว่าจะเป็นการพูดคุยกันที่น่าสนใจ และเป็นไปอย่างราบรื่น
การประชุมครั้งนี้จะมีผลกระทบต่อเอเชียโดยเฉพาะเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และจีน ตลอดจนประชาคมระหว่างประเทศ เนื่องจากเกาหลีเหนือเป็น 1 ในประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งคุกคามความมั่นคงต่อภูมิภาค ขณะที่สภาพความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศที่ย่ำแย่เนื่องจากการถูกโดดเดี่ยวจากประชาคมโลก อย่างไรก็ตามนักวิชาการจำนวนมากมองว่า การประชุมครั้งนี้เป็นความผิดพลาดของรัฐบาลสหรัฐฯ เพราะเท่ากับเป็นการรับรองให้นายคิมมีความสำคัญเทียบเท่ากับประธานาธิบดี สหรัฐฯ แต่นักวิชาการอีกกลุ่มหนึ่งมีความเห็นว่า ก่อนที่จะมีการเจรจาเรื่องสำคัญ มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างความไว้วางใจให้ได้ก่อน เนื่องจากประเด็นที่เป็นเป้าหมายหลักคือคำว่า การปลดนิวเคลียร์นั้น ทั้ง 2 ฝ่ายยังให้คำจำกัดความที่ไม่ตรงกัน ดังนั้นการพบหารือระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานที่คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกหลายปี
ทั้งนี้ สหรัฐฯ ระบุว่า การปลดอาวุธนิวเคลียร์ หมายความว่า เกาหลีเหนือยกเลิกอาวุธนิวเคลียร์
แต่เกาหลีเหนือ ระบุว่า การปลดอาวุธนิวเคลียร์ก็คือการที่สหรัฐฯ ต้องไม่สนับสนุนการทหารและถอนกำลังทหารออกจากเกาหลีใต้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็จะทำให้จีนและรัสเซียมีอิทธิพลมากขึ้นในภูมิภาค
นายกาเร็ธ ลีเธอร์ นักเศรษฐศาสตร์เอเชียอาวุโสของบริษัทแคปิตอล อีโคโนมิคส์ เห็นว่า มีอุปสรรคหลายอย่างที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องกำจัดออกไป โดยเฉพาะการที่ต่างก็ไม่มีความไว้วางใจกัน
ส่วนนายจอน คยองมัน นักเศรษฐศาสตร์ของสถาบันบูรณาการสังคมเกาหลี เห็นว่า เกาหลีเหนือไม่ได้ต้องการให้สหรัฐฯเข้ามาปฏิรูประบบเศรษฐกิจ และต้องการให้ยกเลิกมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจเท่านั้น หลังจากนั้นแล้ว นายคิมจะเน้นร่วมมือกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง แห่งจีนเป็นหลัก เนื่องจากจีนคือมิตรประเทศและคู่ค้าที่แน่นแฟ้นที่สุดของเกาหลีเหนือ
ส่วนความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจอื่นๆ ในวันนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีการประชุมเป็นเวลาสองวัน คาดว่า จะมีการพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่สองของปีนี้
ต่อด้วยวันที่ 14 มิถุนายน ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะมีการประชุมกัน คาดว่าจะเป็นการส่งสัญญาณว่าตั้งใจที่จะเริ่มลดโครงการซื้อพันธบัตร
และในวันที่ 15 มิถุนายน ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะมีการประชุมและคาดว่าบีโอเจจะยังคงรักษานโยบายเงินที่ไม่เคร่งครัดไว้ต่อไป
ส่วนผลจากการประชุมจี 7 ที่แคนาดา ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ ไม่ให้การรับรองผลการประชุมและแถลงการณ์ร่วมโดยอ้างว่าไม่พอใจที่แคนาดาประกาศใช้มาตรการตอบโต้ทางภาษีต่อสหรัฐฯ ในระดับเดียวกันกับที่สหรัฐฯ ตั้งภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม ซึ่งจนถึงเมื่อวานนี้ ประธานาธิบดี ทรัมป์ที่เดินทางมาถึงสิงคโปร์แล้ว ก็ยังคงทวีตข้อความประณามทั้งผู้นำแคนาดา จนถึงสหภาพยุโรป (อียู) และองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ว่าเอาเปรียบสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามบรรดาผู้นำยุโรป ตอบกลับผ่านการให้สัมภาษณ์และทวีตข้อความไปในทำนองเดียวกันว่า การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ยกเลิกการสนับสนุนแถลงการณ์ร่วมจี7 น่าผิดหวังนิดหน่อย แต่ไม่ได้ทำให้จี7 ล่มสลาย
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 36 เซนต์ ปิดที่ 66.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม คงที่ ปิดที่ 76.46 ดอลลาร์
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 5.78 จุด หรือร้อยละ 0.02 ปิดที่ 25,322.31 จุด
เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 2.97 จุด หรือร้อยละ 0.11 ปิดที่ 2,782.00 จุด
แนสแดค เพิ่มขึ้น 14.41 จุด หรือร้อยละ 0.19 ปิดที่ 7,659.93 จุด
และยังมีรายงานของเดอะสเตรทไทมส์ของสิงคโปร์ด้วยว่า เครื่องบินโบอิ้ง747 (B-2447) ที่นายคิมใช้เดินทางเข้าสิงคโปร์เมื่อวันอาทิตย์คือเครื่องบินส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีหลี่ เคอเฉียง ของจีนซึ่งหากนายกรัฐมนตรีหลี่ไม่ได้ใช้งาน เครื่องบินลำนี้ก็จะนำไปใช้เป็นเครื่องบินโดยสารตามปกติ ดังนั้นเครื่องบินลำนี้จึงแตกต่างจากแอร์ฟอร์ซวันของประธานาธิบดีสหรัฐฯเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้นายคิมกับน้องสาวและคณะผู้ติดตามที่เก็บตัวอยู่ในโรงแรมที่พักมาตลอดทั้งวันยังออกไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวของสิงคโปร์หลายแห่งเมื่อคืนนี้ โดยมีนายวีเวียน บาลากริชนัน รัฐมนตรีการต่างประเทศสิงคโปร์เป็นผู้แนะนำการท่องเที่ยว
....